ศาลอุทธรณ์แก้โทษคดีทัวร์ศูนย์เหรียญ ปรับ 3 จำเลย คนละ 5 แสนบาท ขายสินค้าแพงเอาเปรียบนักท่องเที่ยว ส่วน 10 จำเลยที่เหลือ พิพากษายืนยกฟ้อง
ศาลอาญารัชดา อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ในคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 3 เป็นโจทก์ฟ้อง นายสมเกียรติ คงเจริญ กับพวกรวม 13 คน เป็นจำเลยที่ 1-13 ฐานเป็นอั้งยี่ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ร.บ.นำเที่ยวและมัคคุเทศก์ กรณีเมื่อระหว่างเดือน ก.พ. 2556 – ก.ย.2559 จำเลยกับพวก ประกอบธุรกิจนำเที่ยวบริษัท ฝูอัน ทราเวล ฯ และบริษัท ซินหยวน ทราเวลฯ นำนักท่องเที่ยวจากจีนจำนวนมากเดินทางเข้ามาในประเทศไทยลักษณะทัวร์ต้นทุนต่ำ หรือ ทัวร์ศูนย์เหรียญ จากนั้นบังคับให้นักท่องเที่ยวซื้อสินค้าจากบริษัทฯ และกิจการในเครือของจำเลยทำให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้รับความเสียหาย
คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์ ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้วเห็นว่า อุทธรณ์ของโจทก์ที่กล่าวหาว่าจำเลยประกอบธุรกิจท่องเที่ยวโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนาย เห็นว่า พยานโจทก์ ซึ่งมีหน้าที่เกี่ยวข้อง กับการกำกับดูแลธุรกิจการท่องเที่ยวเบิกความว่าที่ผ่านมา ไม่เคยมีใครหรือนักท่องเที่ยวรายได้ร้องเรียนกล่าวหาการดำเนินธุรกิจของทั้ง 13 คน จึงเป็นข้อมูลที่น่าเชื่อถือ ส่วนประเด็นที่โจทก์อุทธรณ์ว่า จำเลยทั้ง 13 คน มีความผิดฐานอั้งยี่ ฟอกเงิน คดีนี้โจทก์ต้องนำสืบให้ศาลเห็นพฤติการณ์ว่าจำเลยกระทำผิดฐานอั้งยี่และฟอกเงินอย่างไร แต่พฤติการณ์ดังกล่าวของจำเลยยังไม่เป็นความผิดในฐานนี้ ประเด็นสุดท้ายที่โจทก์อุทธรณ์ว่า จำเลยประกอบธุรกิจนำเที่ยวก่อให้เกิดความเสียหายต่อการท่องเที่ยว เห็นว่า จำเลยนำนักท่องเที่ยวเข้ามาเพื่อซื้อสินค้าในเครือข่าย ของบริษัท โดยสินค้าดังกล่าวมีราคาแพงกว่าท้องตลาดทั่วไป ทำให้นักท่องเที่ยวต้องซื้อสินค้าในราคาสูงเกินจริง เป็นการเอาเปรียบนักท่องเที่ยวเกินไป จึงมีความผิด
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้สั่งปรับจำเลยที่ 1 คือนายสมเกียรติ จำเลยที่ 2 นางธวัล แจ่มโชคชัย และจำเลยที่ 13 นายวินิจ จันทร์มณี คนละ 500,000 บาท ส่วนจำเลยที่เหลือให้เป็นไปตามศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง