ความคืบหน้าการติดตามไล่ล่าแก๊ง “กิ้มซั้วภูเขาทอง” ใน อ.คลองหอยโข่ง จ.สงขลา หลังจากอุ้มหนุ่มวัย 19 ปีไปถอดเสื้อรุมซ้อมและปัสสาวะใส่เนื่องจากค้างค่ายาเสพติดเมื่อวันที่28มีนาคมที่ผ่านมา จนถึงตอนนี้เจ้าหน้าที่ออกหมายจับผู้ก่อเหตุรวม 7 คน ควบคุมตัวได้แล้ว 3 คน และยังหลบหนีอีก 4 คน ล่าสุด มีความเคลื่อนไหวจากหัวหน้าแก๊งกิ้มซั้วภูเขาทอง โพสต์ภาพและข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก บอกว่า เตรียมเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเร็ว ๆ นี้โดยขอรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อยื่นประกันตัวขอสู้คดี
นี่เป็นภาพที่ นายธีปกรณ์ แก้ววิจิตร หรือ “กิ้มซั้ว” ออกมาชี้แจงผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว บอกว่า ตัวเองเป็นเพียงคนธรรมดาไม่ได้เป็นหัวหน้าแก๊งแต่อย่างใด โดยชื่อ “กิ้มซั้วภูเขาทอง” เป็นเพียงชื่อเล่นของตัวเอง ก็คือคำว่า “กิ้มซั้ว” ในภาษาจีนแต้จิ๋ว ซึ่งแปลตรงตัวว่า “ภูเขาทอง” นอกจากนี้ นายธีปกรณ์ ยังบอกอีกด้วยว่า เตรียมเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเร็ว ๆ นี้โดยอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อยื่นขอประกันตัว และยืนยันว่าไม่เคยคิดต่อสู้กับตำรวจตามที่เป็นข่าว ซึ่งหากถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญก็ขอให้สื่อมวลชนติดตามคดีด้วย
อย่างไรก็ตาม นายธีปกรณ์ หรือ “กิ้มซั้ว” กล่าวว่า คดีนี้ตนเองตกเป็นแพะไม่ได้เป็นคนต้นเรื่อง ส่วนผู้ที่มีปัญหากับผู้เสียหาย คือ นายชูศักดิ์ คงมัยริก หรือ “เอก” ซึ่งเป็นเพื่อนกับตัวเอง แต่ยอมรับว่าในวันเกิดเหตุได้อยู่ร่วมในเหตุการณ์นี้ด้วย และลงมือต่อยพร้อมปัสสาวะใส่หนุ่มวัย 19 ปีผู้เสียหายจริง เนื่องจากโกรธแค้นที่ผู้เสียหายโกหกและผิดคำพูดเรื่องหนี้ยาเสพติดที่ติดค้างมาหลายครั้ง โดยหลังจากเกิดเรื่อง ทางผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความและเรียกร้องเงินจำนวน 2 ล้านบาท กระทั่งมาทราบว่าถูกตำรวจออกหมายจับรวม 7 คนตามที่เป็นข่าว
ส่วนความคืบหน้าของคดี เมื่อวานนี้ (1 มี.ค.61) ตำรวจคุมตัว นายพิชัย วรพัฒน์ อายุ 31 ปี หรือ “หลวงก้อง” และ นายฤทธิชัย บุญศาสตร์ อายุ 20 ปี มาสอบสวน โดย นายพิชัย ให้การว่า อยู่ร่วมในเหตุการณ์อุ้มหนุ่มวัย 19 ปีไปทรมานแต่ไม่ได้มีส่วนร่วมในการรุมทำร้าย และยังบอกว่า นายธีปกรณ์ บอกกับตัวเองว่าได้เคลียร์คดีกับตำรวจเรียบร้อยแล้วโดยยัดเงินให้กับตำรวจ 1 ล้านบาท กระทั่งกลายเป็นข่าวใหญ่โตและนำมาสู่การจับกุม ส่วน นายฤทธิชัย ที่มามอบตัวภายหลัง
บอกว่าเป็นคนลงมือซ้อมหนุ่มวัย 19 ปีจริงเนื่องจากมีความแค้นส่วนตัวอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งทั้งคู่ถูกแจ้ง 5 ข้อหาหนัก คือ ลอบวางเพลิงเผาทรัพย์ผู้อื่น, ทำร้ายผู้อื่น, ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่น, กักขังหน่วงเหนี่ยว และปล้นทรัพย์
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปราบและชุดสืบสวน สภ.คลองหอยโข่ง ยังคงเร่งติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่เหลือทั้ง 4 คนรวมทั้ง นายธีปกรณ์ พร้อมได้ประสานญาติให้เข้ามอบตัวโดยเร็ว
