อุกอาจ! หนุ่มขี่ช้อปเปอร์ คนร้ายตระเวนปาระเบิดขวดในสถานที่ราชการ ไฟไหม้ลุกลามต้องประสานรถดับเพลิงฉีดน้ำดับไฟกันชุลมุน พร้อมตัดกระแสไฟฟ้า ป้องกันเหตุไฟฟ้าช็อต
จังหวัดนครราชสีมา เมื่อคืนที่ผ่านมา (7 พ.ย. 60) เวลา 23.53 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คง ได้รับแจ้งว่า เกิดเหตุคนร้าย ปาระเบิดขวดเข้าไปในที่ว่าการอำเภอคง และสถานที่ราชการหลายแห่ง ในพื้นที่อำเภอคง จังหวัดนครราชสีมา จึงประสานกำลังตรวจสอบพบว่า คนร้ายได้ก่อเหตุปาระเบิดในสถานที่ราชการ 3 แห่ง ประกอบไปด้วย ที่ว่าการอำเภอคง โรงพัก สภ.คง และตู้ยามหน้าตลาดเทศบาลตำบลคง โดยเฉพาะที่ว่าการอำเภอคง คนร้ายได้ปาระเบิดเข้าไปหลายลูก ทำให้กระจกแตก และเกิดไฟไหม้ชั้นที่ 1 และชั้นที่ 2 โดยเฉพาะห้องของนายอำเภอถูกไฟไหม้ลุกลามเป็นบริเวณกว้าง ทำให้เอกสารราชการต่างๆ ได้รับความเสียเป็นจำนวนมาก ต้องประสานรถดับเพลิง จากเทศบาลตำบลคง มาทำการฉีดน้ำดับไฟกันชุลมุน พร้อมกับประสานการไฟฟ้าให้ตัดกระแสไฟฟ้า ป้องกันเหตุไฟฟ้าช็อต
โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลาประมาณ 30 นาที จึงควบคุมเพลิงไว้ได้ จากการเข้าไปตรวจสอบภายในที่ว่าการอำเภอคง พบระเบิดขวดที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ แตกกระจัดกระจายอยู่ทั่วบริเวณ ทั้งนี้จากการสอบถามผู้พบเห็นเหตุการณ์ ทราบว่า คนร้ายเป็นชาย อายุประมาณ 30-40 ปี ขี่รถจักรยานยนต์ช้อปเปอร์ สวมชุดสีขาวทั้งตัว ไม่ปิดบังใบหน้า เมื่อมาถึงบริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอคง ก็ได้ทำการจุดระเบิดขวดปาเข้าไปในที่ว่าการอำเภอ ก่อนที่จะขี่รถจักรยานยนต์ตระเวนไปปาใส่สถานที่ราชการอีก 2 แห่ง ดังกล่าว
คืบหน้าหนุ่มโคราช ขี่ช้อปเปอร์ตระเวนปาระเบิดใส่สถานที่ราชการ ตำรวจรวบตัวได้แล้ว รับสารภาพควบคุมตัวเองไม่ได้ เหมือนมีคนสั่งให้ก่อเหตุ ตำรวจตั้งข้อหาวางเพลิงเผาทรัพย์ ในสถานที่ราชการ
จนกระทั่งกลางดึกเมื่อคืน เจ้าหน้าที่ตรวจได้สกัดจับคนร้ายได้ ทราบชื่อต่อมาคือ นายไพฑูรย์ เทพมง อายุ 37 ปี ชาว อ.คง จ.นครราชสีมา ซึ่งสวมชุดขาวทั้งตัว เหมือนคนถือศีล และอยู่ในสภาพคล้ายคนเสียสติ พูดจาไม่ค่อยรู้เรื่อง พร้อมยึดของกลางได้หลายรายการ เช่น ขวดเครื่องดื่มชูกำลัง 3 ขวด ที่บรรจุน้ำมันไว้ข้างใน, มีดอีโต้ 1 เล่ม, ธูป บุหรี่ ไฟเช็ค โทรศัพท์มือถือ และเงินสดจำนวนหนึ่ง โดยนายไพฑูรย์ สารภาพว่าควบคุมตัวเองไม่ได้ เหมือนมีคนสั่งให้ก่อเหตุปาระเบิดตามสถานที่นั้นๆ เอง ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ควบคุมตัวไว้ และตั้งข้อหากับนายไพฑูรย์ ในข้อหาวางเพลิงเผาทรัพย์ ในสถานที่ราชการ และทำการสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.