อ้างถูกกีดกัน! ตร.คุมตัวเขยปืนโหดยิงเมีย-พ่อตาทำแผน ไม่ถึง 20 นาที หวั่นถูกรุมประชาทัณฑ์ ขณะที่แม่เหยื่อเผยทั้งน้ำตา ไม่เคยกีดกันตามที่ถูกกล่าวหา วิงวอนอย่าใส่ร้ายคนตาย ขอให้พูดความจริง และรับผิดกับสิ่งที่ทำ
กำลังตำรวจภูธรนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ และตำรวจตระเวนชายแดน กว่า 30 นาย ควบคุมตัวนายสมหมาย อาษากูล อายุ 35 ปี ลูกเขยโหด ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ยังจุดเกิดเหตุ โดยมีญาติผู้เสียชีวิตและชาวบ้านที่ทราบข่า ต่างมารอดูการทำแผนเป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่จึงใช้เวลาในการทำแผนไม่ถึง 20 นาที ก็รีบนำตัวผู้ต้องหาขึ้นรถกลับทันที เพราะเกรงญาติและชาวบ้านที่โกรธแค้นจะรุมประชาทัณฑ์ หลังจากที่นายสมหมาย ลงมือก่อเหตุใช้ปืนพกสั้นขนาด .38 กระหน่ำยิง นางสาวอรณี ยอดสว่าง อายุ 25 ปี ภรรยาตัวเอง ก่อนที่จะใช้ปืนกระบอกเดียวกันยิงนายสำเนา ยอดสว่าง อายุ 56 ปี พ่อตา ที่จะวิ่งเข้าไปช่วยลูกสาวตนเองที่ถูกยิงจนเสียชีวิตทั้งคู่คาบ้านพักในอำเภอนางรอง เมื่อวันที่ 13 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันสงกรานต์พอดี หลังไม่พอใจที่มาตามง้อขอคืนดีกับภรรยา แต่ตกลงกันไม่ได้ จึงก่อเหตุสลดดังกล่าวขึ้น และหลบหนีไปพร้อมปืนที่ใช้ก่อเหตุ ก่อนที่จะถูกตำรวจกองปราบปรามติดตามจับกุมตัวได้ ขณะหนีไปกบดานที่ห้องเช่าแห่งหนึ่งในอำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี ก่อนจะส่งตัวกลับมาที่โรงพักที่เกิดเหตุ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
ด้านนางสายหยุด ยอดสว่าง แม่และเป็นภรรยาของผู้ตาย กล่าวทั้งน้ำตาว่า ไม่เคยหลอกให้นายสมหมาย แต่งงานกับลูกสาว และไม่เคยกีดกัน หรือผลักไสตามที่ลูกเขยกล่าวหา เพราะการแต่งงานก็เป็นความยินยอมของทั้ง 2 ฝ่าย และมีการทำพิธีอย่างถูกต้องตามประเพณี แต่ชีวิตหลังแต่งงานของทั้งคู่ผ่านไปได้ประมาณ 1 เดือน ลูกสาวก็หนีกลับมาบ้าน พร้อมเล่าให้ฟังว่า นายสมหมาย ไม่ได้เป็นคนดีอย่างที่เห็น และบอกว่าจะไม่กลับไปอยู่ด้วยอีกแล้ว ซึ่งพ่อแม่ก็ไม่รู้ว่าทั้งคู่มีปัญหาอะไรกันแต่เมื่อตัดสินใจจะเลิกกัน ทางพ่อแม่ทั้งสองฝ่ายก็ได้มีการพูดคุยตกลงกัน โดยมีผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายมาเป็นพยาน ซึ่งทางครอบครัวตนเองก็ยอมคืนทองคำหนัก 1 บาท และเงินผูกแขนอีก 10,000 บาท ให้กับครอบครัวนายสมหมาย ส่วนเงินสินสอด 80,000 บาท ได้ใช้ในการจัดงานแต่งงานไปแล้ว ซึ่งทางครอบครัวนายสมหมาย ก็รับรู้ และยอมรับข้อตกลงดังกล่าว ซึ่งต่างฝ่ายต่างไม่ยุ่งเกี่ยวกันอีก จึงไม่คิดว่าลูกเขยจะมาก่อเหตุยิงลูกสาวและสามีเสียชีวิตอย่างโหดเหี้ยมแบบนี้ ทั้งยังมากล่าวหาครอบครัวที่เป็นฝ่ายสูญเสีย และใส่ร้ายคนตายให้เสียหายซ้ำเติมอีก หากเป็นลูกผู้ชายจริงควรพูดความจริง และยอมรับผิดในสิ่งที่กระทำ
ทั้งนี้ ภายหลังการทำแผนเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวนายสมหมาย ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย เบื้องต้นได้แจ้งข้อหา “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ,ครอบครองอาวุธปืน และเครื่องกระสุนไว้โดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธปืน และเครื่องกระสุนไปในเมืองหมู่บ้านและทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร” ส่วนปืนที่นายสมหมาย อ้างว่าเป็นของพ่อแล้วได้ขโมยมาก่อเหตุนั้น จะต้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง และจะเชิญตัวพ่อของนายสมหมาย มาสอบสวนว่ามีส่วนรู้เห็นหรือไม่ ก่อนที่จะสรุปสำนวนและดำเนินคดีต่อไป