คดีข่มขืนเด็กวัย 14ปี ที่หมู่บ้านเกาะแรต อ.ตะกั่วทุ่ง จ .พังงา โดยคดีนี้ถือว่าเป็นคดีสะเทือนขวัญ เพราะจากคำให้การของผู้เสียหาย บอกว่ามีผู้ลงมือก่อเหตุประมาณ 40 คน ทำให้สังคมเกิดข้อสงสัยว่า มีผู้ก่อเหตุถึง 40 คนหรือไม่ ตอนนี้ส่งผลกระทบต่อธรุกิจการท่องเที่ยว
หลังจากคดีข่มขืนเด็กวัย14ปี ยังไม่คลี่คลาย ทำให้นักท่องเที่ยวยกเลิกเที่ยวในพื้นที่บ้านแรตขณะที่ชาวบ้านยืนยันความปลอดภัยและขอให้นักท่องเที่ยวมั่นใจ ผู้ประกอบการเรือท่องเที่ยวในพื้นที่ซึ่งเคยมีรายได้จากนักท่องเที่ยวที่นิยมเช่าเรือเที่ยวธรรมชาติและป่าโกงกางในพื้นที่จนเกิดเหตุคดีข่มขืนเด็กหญิงวัน14ปี ทำให้ผู้ประกอบการที่เป็นชาวบ้านในพื้นที่มีรายได้วันละไม่ต่ำกว่า500-600บาท ต้องสูญเสียรายได้เนื่องจากเมื่อกระแสข่าวออกไปทำให้นักท่องเที่ยวตัดสินใจไม่เดินทางมาท่องเที่ยวในพื้นที่
โดยนายเฉลียว โรมินทร์ ผู้ประกอบการเรือท่องเที่ยวบ้านเกาะแรต กล่าวว่า ก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุคดีข่มขืนเด็กวัย14ปี ในพื้นที่ มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเที่ยววันละไม่ต่ำกว่า2-3คันรถ ตนเองมีรายได้ประมาณวันละ500-600บาท แต่พอมีเหตุคดีดังกล่าวเกิดขึ้นนักท่องเที่ยวไม่เดินทางเข้ามาในหมู่บ้านเลย จึงทำให้รายได้ลดหายไป จึงอยากจะขอฝากบอกไปถึงนักท่องเที่ยวว่า ในพื้นที่ยังคงมีความปลอดภัยอยู่และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่รู้ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ดังนั้นขอให้มั่นใจกับความปลอดภัยในพื้นที่
ด้านนายสมาน ชลเขตต์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6ต.หล่อยยูง อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา กล่าวว่า ประชาชนในหมู่บ้านมีจำนวนประมาณ40ครัวเรือน มีประชากรจำนวน180คน มีทะเลที่สวยงาม ป่าโกงกางที่สมบูรณ์ และมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากในแต่ละวัน จนกระทั่งมีการออกข่าวว่าในพื้นที่เหตุการณ์รุมโทรมเด็กอายุ14ปี มีลักษณะป่าเถื่อน มีอิทธิพล ทำให้นักท่องเที่ยวลดหายจนรายได้ทางธุรกิจการท่องเที่ยวแทบจะไม่เกิดขึ้นในหมู่บ้านของปัจจุบัน ซึ่งอยากฝากว่าจริงๆแล้วภายในหมู่บ้านมีความปลอดภัยสูง ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังสรุปไม่ได้ว่าเกิดข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรจึงขอให้นักท่องเที่ยวมั่นใจและเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวต่อไป
ส่วนเรื่องความคืบหน้าของคดี พล.ต.ต.บุญทวี โตรักษา ผู้บังคับการตำรวจภูธร จังหวัดพังงา เปิดเผยว่า เรื่องของคดีต้องมีการสอบสวน สืบสวนอย่างรัดกุม รอบคอบ เนื่องจากเป็นคดีที่ละเอียดอ่อน แต่ย้ำว่า จะให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย
ขณะที่นายฮานีฟ หยงสตาร์ เลขาธิการมูลนิธิมุสลิมเพื่อสันติ ในฐานะทนายความผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ในห้วงเวลาเกิดเหตุ หลังที่มีการส่งฟ้องคดีรุมโทรมที่มีผู้ต้องหา 3 คน เมื่อเดือนมีนาคม 2560 ไม่ได้มีการออกมาพูดถึงประเด็นพ่อเลี้ยงของเด็ก ว่ามีความสัมพันธ์เกินเลย ซึ่งยืนยันว่าการทำคดีนี้ทนายและทีมกฎหมายมีความละเอียดรอบคอบในการเก็บข้อมูลและรวบรวมพยานหลักฐาน ทั้งการสอบปากคำ เยาวชนหญิง แม่และพ่อเลี้ยง ผู้เสียหาย รวมถึงน้องชาย อายุ ประมาณ 10 ปี ซึ่งขณะนั้นมีเจ้าหน้าที่ พม. จังหวัดเข้าร่วมด้วย และตอนนั้นก็ไม่มีการให้ข้อมูลถึงพฤติกรรมของพ่อเลี้ยงว่าเป็นไปในทางไม่เหมาะสม และได้เคยสอบปากคำพ่อเลี้ยงของเด็กไปแล้ว จึงเชื่อว่าการออกมากล่าวหาของชาวบ้านต้องการเบี่ยงประเด็น