วันนี้ (4 มิ.ย.) พล ต.ท.ณัฐธร เพราะสุนทร ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.ตม.) ได้เดินทางไปยังสำนักงาน ตม.เชียงราย ตั้งอยู่หน้าด่านพรมแดน อ.แม่สาย จ.เชียงราย เพื่อไปรับตัว น.ส.กวิตา ราชดา อายุ 25 ปี และ น.ส.ปรียานุช โนนวังชัย หรือ “เปรี้ยว” อายุ 24 ปี และ น.ส.อภิวันทน์ สัตยบัณฑิต อายุ 28 ปี 3 ผู้ต้องหาในคดีฆ่าหั่นศพ น.ส.วาริสรา กลิ่นจุ้ย หรือน้องแอ๋ม อายุ 22 ปี สาวร้านคาราโอเกะที่ อ.เขาสวนกลาง จ.ขอนแก่น ภายหลังจากทางการตำรวจเมียนมาได้จับกุมตัวทั้งหมดได้หลังจากหลบหนีไปอยู่ในเขต จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา และถูกตำรวจเมียนมาควบคุมตัวได้เมื่อคืนวันที่ 3 มิ.ย.ที่ผ่านมา
โดยในครั้งนี้ทาง พล.ต.ท.ณัฐธร พ.อ.กิดากร จันทรา ผบ.ฉก.ม.3 กองกำลังผาเมือง และเป็นประธานคณะกรรมการประสานงานชายแดนไทย-เมียนมา ระดับท้องถิ่น หรือทีบีซีฝ่ายไทย ซึ่งรับหน้าที่ประสานงานระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยและเมียนมาในการติดตามจับกุม พ.ต.อ.เอกกร บุษบาบดินทร์ ผกก.ตม.เชียงราย ได้สั่งการให้ควบคุมตัวผู้ต้องเอาไว้ภายในห้องขังของสำนักงาน ตม.เชียงราย ตลอดคืนที่ผ่านมา โดยได้นอนกับพื้นเรียงแถวกันทั้ง 3 คนและช่วงนอน น.ส.ปรียานุช ยังนำแป้งทาหน้าก่อนนอนอีกด้วย
อย่างไรก็ตามในการเดินทางไปรับตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 คนดังกล่าวเจ้าหน้าที่ไม่ได้มีการแถลงข่าวหรือให้รายละเอียดใดๆ โดยทาง ผบช.ตม.ได้นำเครื่องบินโฟล์กของกองบินตำรวจไปรับตัวโดยเครื่องลงที่ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ต.บ้านดู่ อ.เมือง ก่อนนำรถตู้ไปรับที่สำนักงาน ตม.เชียงราย ระยะทางประมาณ 55 กิโลเมตร เมื่อไปถึงสำนักงาน ตม.เชียงราย คณะก็รีบนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดออกไปด้วยรถยนต์ตู้ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในเวลาประมาณ 11.30 น.โดยมีตำรวจหญิงจาก กก.ตชด.32 จำนวน 4-5 นายคอยควบคุมตัวระหว่างอยู่ในรถตู้ไปยังท่าอากาศยาน เพื่อจะนำตัวไปแถลงข่าวที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ต่อไป
อย่างไรก็ตามแหล่งข่าวจากการสอบปากคำทั้งหมดทราบว่าทั้งหมดเดินทางออกจาก อ.แม่สาย ข้ามไปยัง จ.ท่าขี้เหล็ก เมื่อวันที่ 25 พ.ค.และข้ามไปอยู่ที่ห้องพักข้างร้านคาราโอเกะและเมื่อทราบว่ามีการติดตามจับกุมของเจ้าหน้าที่ทั้ง 2 ฝั่งจึงได้พากันหลบหนีไปอีกหลายจุดแต่ไม่ยอมบอกว่าใครพาหลบหนี ก่อนจะไปติดค้างอยู่ที่บ้านร้างหลังหนึ่งบริเวณบ้านแม่ขาว จ.ท่าขี้เหล็ก ตรงกันข้ามบ้านสันผักฮี้ ม.13 ต.แม่สาย อ.แม่สาย ใกล้สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา ลำน้ำสายแห่งที่ 2 ห่างจากสะพานแห่งแรกประมาณ 5 กิโลเมตร โดยก่อนจะเดินทางไปมีเงินติดกระเป๋าประมาณ 100,000 บาท ตั้งใจว่าจะใช้ให้หมดเพราะจะถูกจับกุมแน่แล้วดังนั้นเมื่อใช้จ่ายจนเงินเกือบหมด จึงพากันไปซื้อเสื้อผ้าและกระเป๋าใส่ของสีลายโดยทิ้งเสื้อผ้าเก่าไว้ที่ห้องจนหมด ก่อนประสานด้วยการโทรศัพท์แจ้งตำรวจไทยและเมียนมาว่าจะมอบตัว และนั่งรถรับจ้างเล็กในท่าขี้เหล็กตรงไปยังสถานีตำรวจท่าขี้เหล็กห่างจากพรมแดนเพียงเล็กน้อยดังกล่าว.
/////