เกิดเหตุเพลิงไหม้คอนโดชื่อดัง 7 ชั้น มีคนท้องติดข้างในเจ้าหน้าที่ให้การช่วยเหลือ ขณะที่ต้นเพลิงเกิดในห้องครัวของผู้พักอาศัย คาดลืมปิดเตาไฟฟ้าซึ่งมีกระทะน้ำมันตั้งอยู่
เกิดเหตุเพลิงไหม้ที่ชั้น 5 ของชิคคอนโด ซึ่งเป็นคอนโด 7 ชั้น ตั้งอยู่ริมถ.กสิกรทุ่งสร้าง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น มีกลุ่มควันพวยพุ่งออกมา สร้างความแตกตื่น ผู้พักอาศัยอยู่ภายในคอนโด และข้างเคียงต้องวิ่งหนีตายออกมา โดยเจ้าหน้าที่ดับเพลิงจากเทศบาลนครขอนแก่น ได้ระดมรถดับเพลิงและเจ้าหน้าที่เร่งทำการฉีดน้ำ โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงก็สามารถควบคุมเพลิงให้สงบลงได้ พร้อมกันนี้ขณะเกิดเพลิงไหม้มีหญิงท้องร้องขอความช่วยเหลือเนื่องจากหาทางออกไม่ได้ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ขึ้นไปทางบันได้หนีไฟพาออกมาส่งโรงพยาบาลและไม่ได้รับอันตรายแต่อย่างใด
โดยนางสาวกัลยา จันทร์แสง อายุ 24 ปี ผู้ดูแลคอนโด เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ขณะเกิดเหตุ แม่บ้านวิ่งมาแจ้งว่าเกิดกลุ่มควันที่ห้องเลขที่ 88/41 ชั้น 5 ซึ่งเป็นของแพทย์หญิงคนหนึ่ง และขณะเกิดเหตุไม่มีใครอยู่ภายในห้องพัก จึงได้โทรศัพท์ขอรหัสเข้าห้องเพื่อทำการดับไฟ เมื่อเข้าไปในห้องพบว่า มีกลุ่มควันจำนวนมากกระจายเต็มห้องแทบมองไม่เห็นอะไร จึงรีบดึงเบรกเกอร์คัตเอ้าท์ใหญ่ลงทันทีและให้พนักงานรักษาความปลอดภัยใช้ถังดับเพลิงฉีดเพื่อให้ควันลดลงเพื่อที่จะได้เห็นจุดที่เป็นต้นเพลิง แล้วรีบโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ดังเพลิง ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่าต้นเพลิงอยู่ที่หัวเตาแก๊สไฟฟ้า ซึ่งมีกระทะตั้งอยู่ และภายในกระทะมีน้ำมันสำหรับทำอาหาร ซึ่งคาดว่าผู้พักอาจจะลืมปิดสวิตช์ ทำให้น้ำมันเกิดความร้อนขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่งเกิดเปลวไฟลุกไหม้และลุกรามภายในห้องครัวก่อนจะลามมาที่ห้องนอนและห้องนั่งเล่น
ทางด้านพันตำรวจโท ปุณณริศร์ ธรานันทเศรษฐ์ สารวัตรสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองขอนแก่น จากการเข้าตรวจสอบภายในห้องพักที่เกิดเพลิงไหม้ เบื้องต้นคาดว่าสาเหตุเกิดจากเจ้าของห้องลืมถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าในห้องครัวทิ้งไว้ เพราะต้นเพลิงอยู่ที่ห้องครัว ทำให้ไฟได้ลุกไหม้ขึ้นภายในห้องครัวและลุกลามมาภายในห้องนั่งเล่น ซึ่งขณะที่เกิดกลุ่มควันนั้น มีหญิงท้องที่พักอาศัยอยู่ห้องพักเลขที่ 88/32 ในคอนโดดังกล่าวใกล้ห้องเกิดเหตุเกิดสำลักควันไฟขอความช่วยเหลือจึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาลได้อย่างปลอดภัย ส่วนสาเหตุคาดว่าเกิดจากเจ้าของห้องลืมปิดสวิตช์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในห้องครัว ต้องรอทางเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานสรุปหาสาเหตุที่แท้จริงอีกครั้ง
///////////////