เตรียมตั้งข้อหาฆ่าผู้อื่นตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและข้อหาซ่อนเร้นอำพรางศพเพิ่มเติม กับผู้กองเหน่ง หลังผลพิสูจน์ ดีเอ็นเอ กะโหลกที่พบกลางป่า ตรงกับ “ผอ.อ้อย”
ผลการตรวจดีเอ็นเอจากชิ้นเนื้อกะโหลกและกระดูกต้นขา ทางนิติวิทยาศาสตร์ของหน่วยงานที่รับผิดชอบเรื่องนี้ชี้ชัดแล้วว่า กะโหลกศีรษะ เส้นผม กระดูก รวมทั้งนาฬิกาข้อมือที่พ่อแม่ไปค้นพบที่บริเวณทางขึ้นเนิน 500 ห่างจากฐานอนุพงศ์ บ้านโนนสูง ต.โดมประดิษฐ์ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 23 ต.ค.60 ที่ผ่านมา เป็นดีเอ็นเอที่ตรงกับ นางจุฑาภรณ์ หรือ ผอ.อ้อย ซึ่งบรรดาญาติพี่น้องต่างก็พากันดีใจ หลังจากที่พากันออกค้นหา ผอ.อ้อยมานานกว่า 3 เดือน จนกระทั่งมาพบว่า โครงกระดูกถูกทิ้งอยู่กลางป่าในสภาพที่น่าเวทนา
นางแหลม อุ่นอ่อน แม่ของ ผอ.อ้อย กล่าวว่า ไม่รู้สึกแปลกใจหรือตื่นเต้นดีใจที่ผลการพิสูจน์ดีเอ็นเอศพที่พบมีดีเอ็นเอตรงกันกับดีเอ็นเอของผอ.อ้อย เนื่องจากครอบครัว ญาติพี่น้องทุกคนมั่นใจว่า กะโหลกที่พบกลางป่า เป็นศพของผอ.อ้อยอย่างแน่นอน ซึ่งหลังจากนี้ครอบครัวจะนำชิ้นส่วนกระดูกและกะโหลกผอ.อ้อยมาประกอบพิธีทางศาสนาที่บ้านซำเม็ง ต.เสาธงชัยอ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นบ้านพี่สาวของผอ.อ้อย โดยจะตั้งศพบำเพ็ญกุศล จำนวน 3 วัน พร้อมย้ำว่า ไม่ขออโหสิกรรมให้ผู้ที่ลงมือฆ่าผอ.อ้อยได้อย่างโหดเหี้ยม
ส่วนเรื่องของคดีพนักงานสอบสวนจะพิจารณาขออนุมัติหมายจับ ร.อ.ศุภชัย ภาโส นายทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี หรือ ผู้กองเหน่ง ในข้อหาฆ่าผู้อื่นตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและข้อหาซ่อนเร้นอำพรางศพเพิ่มเติม หลังจากก่อนหน้าได้มีการแจ้งข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยวทำให้สูญเสียอิสรภาพ
ซึ่งผู้กองเหน่ง ซึ่งเป็นผู้ต้องหาคดีนี้ จำนวน 8 ข้อหา ไปฝากขังผลัดที่ 1 ที่ศาล จ.กันทรลักษ์ ตั้งแต่วันที่ 16 ต.ค.60 ที่ผ่านมา และจะครบกำหนดฝากขังผลัดที่ 2 ในวันที่ 30 ต.ค.60 นี้ ขณะที่ครอบครัวผอ.อ้อย เตรียมคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากว่าเป็นข้อหาที่ร้ายแรงมาก และคดีนี้อยู่ในความสนใจของประชาชน ซึ่งหากได้รับการประกันตัวอีก เกรงว่าอาจจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน รวมทั้งหวั่นเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี