ความคืบหน้าคดีที่ครูอัตราจ้าง 5 คน เข้าแจ้งความดำเนินคดีและให้เอาผิดทางวินัยกับครูชำนาญการพิเศษโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ เนื่องจากถูกหลอกเรียกรับเงินคนละ 2 แสนบาท อ้างว่าจะสามารถช่วยเหลือให้สอบบรรจุเป็นครูผู้ช่วยสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 4 ได้ โดยจ่ายก้อนแรก 1 แสนบาทเป็นค่าวิ่งเต้น และหากบรรจุได้จะต้องจ่ายอีก 1 แสนบาท แต่ผ่านไป 6 เดือนกลับไม่ได้บรรจุตามที่กล่าวอ้าง ล่าสุด พนักงานสอบสวน สภ.เมืองบุรีรัมย์ เร่งสรุปสำนวนคดีครูชำนาญการพิเศษหลอกเรียกรับเงินครูอัตราจ้าง ส่งอัยการพิจารณาสั่งฟ้องสัปดาห์นี้ ซึ่งครูที่ถูกกล่าวหาเข้ามอบตัวตามหมายเรียกใช้ตำแหน่งประกันตัวสู้คดี โดยทางตำรวจแจ้งข้อหา “ฉ้อโกงทรัพย์”
ร.ต.อ.มานพ รอยประโคน รองสารวัตร (สอบสวน) สถานีตำรวจภูธรเมืองบุรีรัมย์ เจ้าของคดี เร่งรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับคดีสรุปสำนวนส่งพนักงานอัยการเพื่อพิจารณาสั่งฟ้องตามขั้นตอนภายในสัปดาห์นี้ เนื่องจากเป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชนและมีมูลค่าความเสียหายจำนวนมาก อีกทั้งก่อนหน้านี้ได้ให้โอกาสทั้งสองฝ่ายได้ไกล่เกลี่ยกันแล้วหลายครั้ง พร้อมทั้งมีการทำบันทึกระบุวันคืนเงินไว้เป็นหลักฐานด้วย แต่ครูที่ถูกกล่าวหากลับไม่นำเงินมาคืนให้กับผู้เสียหายตามที่รับปากจึงต้องดำเนินการตามกระบวนการของกฎหมาย ซึ่งครูที่ถูกกล่าวหาก็ได้เข้ามอบตัวตามหมายเรียกแล้ว พร้อมใช้ตำแหน่งยื่นประกันตัวสู้คดี โดยเบื้องต้นครูคนดังกล่าวถูกแจ้งข้อหา “ฉ้อโกงทรัพย์สินผู้อื่น”
ส่วนเรื่องวินัย ขณะนี้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 4 ในฐานะต้นสังกัด ก็ได้ตั้งคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว มีกำหนดให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน ผลเป็นอย่างไรก็ก็จะมีการตั้งกรรมการสอบวินัยตามขั้นตอน หากพฤติการณ์ไม่ร้ายแรง ทางเขตฯ สามารถตั้งกรรมการสอบวินัยภายใน 90 วัน แต่หากพบว่ามีข้อมูลหลักฐานเพียงพอว่ามีการกระทำผิดจริง ทางเขตฯ จะสรุปเสนอศึกษาธิการจังหวัด เพื่อพิจารณาลงโทษทางวินัยตามขั้นตอน ซึ่งโทษสถานหนักถึงขั้นไล่ออกหรือปลดออก