จากกรณีนางจันทิรา ศรีศักดิ์ อายุ 48 ปี ชาว จ.เพชรบุรี มารดาของ น.ส.จริยา ศรีศักดิ์ หรือน้องน้ำ อายุ 16 ปี ได้เข้าร้องทุกข์ต่อนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี เพื่อขอความเป็นธรรมบุตรสาวหายตัวไปอย่างมีเงื่อนงำเป็นเวลากว่า 5 ปี หลังจากเข้าทำงานกับ น.ส.กฤษณา ที่บ้านเลขที่ 599/10 หมู่บ้านกลางกรุง ย่านประชาชื่น กทม. โดยเมื่อเวลา 05.00 น. พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผกก.5 บก.ป.นำกำลังจับกุม น.ส.กฤษณา หรือโมนา สุวรรณพิทักษ์ อายุ 45 ปี อดีตผู้เข้าประกวดนางงามเวทีแห่งหนึ่ง ตามหมายจับศาลอาญาที่ 2431/2560 ลงวันที่ 4 พ.ย. 2560 ข้อหาทำร้ายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย ได้ที่ลานนารีสอร์ท ต.เมืองเก่า อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา
พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง แถลงผลการจับกุม น.ส.กฤษณา สุวรรณพิทักษ์ หรือโมนา นายจ้างและเป็นผู้ต้องหาทำร้ายร่างกาย น้องน้ำ เด็กหญิงชาวจังหวัดเพชรบุรีที่ถูกทารุณเมื่อ 5ปีที่ผ่านมา จนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย หลังถูกตำรวจกองปราบปรามจับกุมตัวได้เมื่อวานนี้ ว่า จากการสอบปากคำผู้ต้องหาให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา แต่รายละเอียดยัไม่สอดคล้องกับทางหลักวิทยาศาสตร์ ซึ่งในส่วนนี้ต้องรอการสอบสวนเพิ่มเติมอีกครั้ง
จากการนำตัว น.ส.โมนา มาสอบสวน ยังได้ให้การซัดทอดไปยังบุคลอื่น แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เนื่องจากอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม แต่เบื้องต้นได้แจ้งข้อกล่าวหากับนางโมนาฐาน ทำร้ายร่างการผู้อื่นจนเป็นเหตุทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และจากการตรวจสอบประวัติย้อนหลังไม่พบว่ามีปัญหาทางจิต แต่พบว่าเมื่อมีอารมณ์โกรธจะชอบใช้ความรุนแรง ซึ่งขณะที่นางสาวโมนา ให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจมีสีหน้าที่เรียบเฉยปกติ และไม่ได้มีท่าทีสลดแต่อย่างใด
ส่วน นางจันทิรา ศรีศักดิ์ แม่ของ “น้องน้ำ” ระบุว่า แม้ผลนิติวิทยาศาสตร์จะยังไม่ยืนยันออกมา แต่ตนเองก็จดจำรายละเอียดทุกอย่างของบุตรสาวได้ ขณะเดียวกัน คนในครอบที่เห็นเหตุการณ์ ก็ได้เล่ารายละเอียดให้ฟังว่า เมื่อนายจ้างไม่พอใจจึงได้ทำร้ายร่างกายจนกรามซี่โครงหัก ร่างกายบอบช้ำอย่างหนักและล่ามโซ่บุตรสาวจนเสียชีวิต และหากได้พูดคุยกับผู้ต้องหา ก็ยังยืนยันจะถามคำเดิม ว่า “ฆ่าลูกฉันทำไม”
https://youtu.be/r2oF_gmbbFo
นางจันทิรา กล่าวว่า เมื่อน้องหายไปในปีแรก ก็ปักใจว่าลูกสาวต้องเสียชีวิตไปแล้ว แต่ตนเองก็ยังคงออกตามหาอยู่ ซึ่งเมื่อน้องน้ำได้ไปทำงานตนได้มีโอกาสติดต่อน้องไปเพียง 2 ครั้งเท่านั้น ได้มีการถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง น้องน้ำก็ตอบว่าอยู่ได้ สบายดี แต่ล่าสุด ตนได้รับข่าวจากนายจ้าง เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 12 เม.ย. 55 ว่าน้องน้ำได้หนีออกจากบ้านตอน 05.00 น. ซึ่งตนเองแปลกใจว่าทำไมถึงไม่มีการห้ามอะไร เพราะลักษณะนิสัยส่วนตัวของน้องน้ำเป็นคนที่ไม่น่าจะหนีออกจากบ้านได้ แม้จะไปเที่ยวกลับมาดึก ก็จะกลับมานอนบ้านทุกครั้ง จึงได้ออกตามหาลูกสาวบริเวณพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียงแต่ก็ไม่พบ หลังจากนั้น เมื่อวันที่ 14 เม.ย.55 จึงได้ติดสินใจแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
นางจันทิรา กล่าวอีกว่า ตนยังรับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อทราบจากคนรอบข้างที่เห็นเหตุการณ์ว่า ลูกสาวตนถูกทำร้ายร่างกายทุกวันจนเสียชีวิต โดยตนได้รับข้อมูลนี้จาก น้องเฟียร์ บุตรสาวของ น.ส.กฤษณา หรือ โมนา นายจ้างของลูกสาวได้มีการพยายามติดต่อมาทางคุณแม่ของน้องน้ำเพื่อขอความช่วยเหลือ เนื่องจากเฟียร์ ก็โดนแม่ของตัวเอง หรือ โมนา ทำร้ายร่างกายเช่นกัน
ตำรวจเร่งสอบผู้ร่วมขบวนการเพิ่ม
พล.ต.ท.ฐิติราช กล่าวว่า จากการสอบสวน น.ส.กฤษณา ให้การรับสารภาพว่า ได้ตีน้องน้ำแล้วนำศพไปฝังอำพรางจริง จากนั้นนำศพไปฝัง เพราะกลัวความผิด แต่ก็บอกรายละเอียดไม่หมด บางส่วนยังขัดแย้งกับพยานหลักฐานที่ทางตำรวจมีอยู่ แต่ก็ถือว่าเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ต้องให้เวลาเขาอีกสักระยะหนึ่ง ส่วนรายละเอียดตนไม่ขอเปิดเผยเกรงว่าจะเสียรูปคดี
เบื้องต้นได้แจ้งข้อหาทำร้ายผู้อื่นจนถึงแก่ความตายเพียงข้อหาเดียวก่อน ส่วนข้อหาเจตนาฆ่าผู้อื่น และซ่อนเร้นอำพรางศพยังอยู่ในระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน