แม่โพสต์เฟซบุ๊กสุดทน ลูกอาการแย่ หลังถูกตำรวจซ้อมให้รับสารภาพ คดียิงกันตาย 2 ศพย่านวัดเกาะ เขตสายไหม
เมื่อผู้ใช่เฟซบุ๊ค ชื่อ “องุ่น จี๊ด” ได้โพสต์ข้อความพร้อมรูปภาพร้องของความเป็นธรรม ลูกชาย ฝากแชร์ไปให้ถึงนักข่าว, นายก, ผบ.ตร.,ผบช.น, ให้เข้าตรวจสอบในคดี เมื่อลูกชายของตัวเองถูกซ้อม เพื่อให้รับสารภาพผิด ว่าเป็นผู้ก่อเหตุยิง วัยรุ่นในหมู่บ้านเสียชีวิต ทั้งที่ลูกชายยังให้การปฏิเสธ และขอประกันตัวออกมาสู้คดี โดยระบุข้อความดังนี้
******
ขอความเป็นธรรมให้ลูกชายด้วยคะ
ฝากแชร์ไปให้ถึงนักข่าว
ฝากแชร์ไปให้ถึง นายก
ฝากแชร์ไปให้ถึง ผบ.ตร.
ฝากแชร์ไปให้ถึง ผบช.น. ทีคะ
เมื่อวัน 28 เม.ย.61 ลูกชายถูกตำรวจที่เขตสายไหม พาตัวไป สน ถูกซ้อมตบเตะกระทืบบังคับให้รับสารภาพคดียิงคนตายที่วัดเกาะทั้งๆที่ไม่ได้ทำ สุดท้ายลูกโดนตั้งขอหาร่วมกันฆ่าฯ ดิฉันขอถามว่าพวกคุณว่าไม่รู้สึกระอายใจบ้างหรือไง จับลูกดิฉันไปซ้อมบังคับให้รับสารภาพ ทั้งๆที่เขาไม่ได้ทำ เพื่อนของผู้เสียชีวิต และคนในซอย พยานในที่เกิดเหตุ ก็มายืนยันกับพวกคุณว่าลูกดิฉันไม่เกี่ยวข้องทำไมยังไปทำเขา คนวัดเกาะ สายไหม พูดเหมือนกันหมดว่าตำรวจก็รู้ตัวคนยิงแต่จับไม่ได้ เลยมาจับลูกฉันไปให้บรรดานายๆแถลงข่าว ไม่ละอายกันบ้างหรือไง ถ้าเป็นลูกเป็นหลานพวกคุณบ้างจะรู้สึกยังไง บอกตรงๆคะเคยเห็นแต่ในข่าวเรื่องตำรวจจับแพะ ไม่เคยคิดว่าจะมาเกิดกับลูกเลยจริงๆ ไม่ได้ทำผิดเลยสักนิดกับต้องมาติดคุก โทษถึงประหารชีวิต ถูกซ้อมจนช้ำไปทั้งตัว เรื่องนี้ฉันขอสู้ตาย ไม่มีวันยอมแน่นอน ถ้าไม่ได้รับความเป็นธรรมจะขอพึ่งพระบารมีถวายฎีกาให้ถึงที่สุดค่ะ ฝากแชร์ช่วยคนจนๆด้วยนะคะ เรา 2 แม่ลูก พูดความจริงทุกอย่างคะ *********
จากกรณีนี้ สน.สายไหม ได้แถลงผลเมื่อวันที่ 30 เมษายน ถึงการจับกุม นายพงศธร หรือ เอ็ม พุ่มราตรี โดยระบุว่า รวมกัยนายเอกชัย ยินดีวงษ์ อายุ 33 ปี ก่อเหตุ ใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม. ยิงใส่คู่กรณีทั้งสองคน กว่า 10 นัด ภายในซอยพหลโยธิน 54/1 เขตสายไหม จนได้รับบาดเจ็บสาหัสก่อนจะไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล จากสาเหตุมีปากเสียงทะเลาะวิวาท ขับรถปาดหน้ากันเมื่อกลางดึกวันที่ 28 เมษายนที่ผ่านมา
ผู้ต้องหา ให้การว่า วันเกิดเหตุได้ขับรถมากับนายเอกชัย ยินดีวงษ์ อายุ 33 ปี เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ นายเอกชัย ได้ใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม. ยิงใส่คู่กรณีทั้งสองคน กว่า 10 นัด จนได้รับบาดเจ็บสาหัสก่อนจะหลบหนีไป
ส่วนนายเอกชัย ผู้ต้องหาอีกคน อยู่ระหว่างหลบหนีไป เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหา “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา ร่วมกันมีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนอยู่ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมจะเร่งตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป
/////
ด้านครอบครัวผู้ต้องหากลับร้องเรียนว่า ในวันที่แถลงข่าวตัวนายพงศธร ถูกควบคุมตัวอยู่ที่ สน.สายไหม และเผยข้อมูลว่า ผู้ต้องหาถูกนายตำรวจนายหนึ่งซ้อมให้ยอมรับสารภาพ พร้อมเล่าถึงเหตุการณ์ในวันที่เกิดเหตุว่าผู้ตายและคนยิงก็นั่งดื่มใกล้เคียงกัน ในขณะนั้นผู้ก่อเหตุคือนายเอกชัย เมาถอยรถชนกระถางต้นไม้บ้านของตัวเองจึงไปถอยให้แทน แต่ระหว่างนั้นกลับได้ยินเสียงปืนดังขึ้น และเห็นคนตาย 2 คน ทำให้ตกใจ ส่วนนายเอกชัยได้ขับรถหลบหนีไป ตนจึงโทรแจ้งตำรวจ แต่กลับมาถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ร่วมกระทำผิด
ซึ่งในชั้นสอบสวนก็ไม่ได้รับสารภาพ และได้ประกันตัวออกมาเพื่อสู้คดี พร้อมนำใบรับรองแพทย์ การร่างกาย แจ้งความกลับกรณีที่ถูกซ้อม ตามที่แม่ของผู้ต้อวงหา ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กร้องขอความเป็นธรรมขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยพิสูจน์ความจริงในเรื่องนี้
ขณะที่ตำรวจได้ยืนยันว่าตำรวจทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ผู้ต้องหามีสิทธิ์ให้การอย่างไรก็ได้ แต่การพิสูจน์ว่าถูกผิด ก็ต้องหาพยานหลักฐานมาหักล้าง ส่วนกรณีการถูกทำร้ายผู้ต้องหามีสิทธิ์แจ้งความกลับได้ ในสถานีตำรวจท้องที่เกิดเหตุ (สน.สายไหม)