ผู้ว่าฯ จ.เชียงราย กลายเป็นผู้ว่าฯ คนล่าสุดที่โดนคนปลอมเฟซบุ๊กหลอกขอยืมเงิน เหยื่อยังไม่ให้เร่งรัดซ้ำ ล่าสุดส่งจ่าจังหวัดฯ-ปลัดป้องกันแจ้งตำรวจล่าแล้ว พบใช้บัญชีเดียวกันกับเคสปลอมเฟซบุ๊กหลอกยืมเงินที่อีสาน จนมีคนหลงเชื่อสูญแล้วครึ่งแสนบาท
5 มิ.ย.60 นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย มอบหมายให้ นายวุฒิกร คำมา จ่าจังหวัดเชียงราย และ นายจรัญ ยะม่อนแก้ว ปลัดป้องกัน จ.เชียงราย เดินทางไปยัง สภ.แม่ยาว อ.เมืองเชียงราย เพื่อยื่นหนังสือถึง ผกก.สภ.แม่ยาว และถือโอกาสเข้าแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับผู้ที่ปลอมเฟซบุ๊กอ้างว่าเป็นผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย ไปพร้อม ๆ กัน โดยในครั้งนี้นอกจาก นายวุฒิกร จะนำหนังสือสั่งตรงจากผู้ว่าราชการจังหวัดไปมอบแล้ว ยังนำหลักฐานเป็นสำเนาเฟซบุ๊กที่เผยแพร่ทางสื่อออนไลน์ไปประกอบการแจ้งความร้องทุกข์ด้วย
สำหรับหนังสือจาก นายณรงศักดิ์ ที่มีไปถึง ผกก.สภ.แม่ยาว มีเนื้อหาว่าได้เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. นี้ได้ตรวจพบว่ามีผู้ปลอมเฟซบุ๊กใช้ชื่อว่า “ผู้หญิงไม่ร้ายถ้าผู้ชายไม่เลว (ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย)” ปรากฎในระบบออนไลน์ซึ่งทางจังหวัดพิจารณาแล้วเห็นว่าส่งผลเสียต่อระบบราชการ และอาจมีผู้นำไปใช้ทางที่เสื่อมเสียและอาจทำให้เสียหายต่อสาธารณะในวงกว้าง จึงให้จ่าจังหวัดเข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีต่อผู้ที่ปลอมเฟสบุ๊คดังกล่าว และขอให้ทางตำรวจดำเนินคดีให้ถึงที่สุดเนื่องจากผู้ทำเฟสบุ๊คปลอมของผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอมาแล้วหลายแห่ง
ซึ่งทาง พ.ต.ท.กิตติพงษ์ สุขวัฒนพันธ์ รักษาการ ผกก.สภ.แม่ยาว อ.เมือง จ.เชียงราย มอบหมายให้ พ.ต.ท.วศิน สืบสมบัติ รอง ผกก.สส.และ พ.ต.ต.พันธ์ศักดิ์ ข่มอาวุธ สารวัตรสอบสวนเวรเข้ารับเรื่องเพื่อสืบสวนสอบสวนดำเนินการตามกฎหมาย จากนั้นได้สั่งการให้มีการรับหลักฐาน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติทและจะเร่งสืบสวนสอบสวนรวมทั้งประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการใช้ระบบออนไลน์เพื่อติดตามหาตัวผู้ปลอมแปลงต่อไป
ด้านนายวุฒิกร กล่าวว่าทางผู้ว่าราชการ จ.เชียงาย ไม่เคยมีเฟสบุ๊คในลักษณะดังกล่าว จึงเกรงว่าจะมีผู้นำเฟสบุ๊คนี้ไปใช้แล้วก่อให้เกิดความเสียหายต่อสาธารณะหรือต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่งได้ แม้ว่าในปัจจุบันจะยังไม่ปรากฎว่ามีผู้เสียหายแต่ก็ปรากฎข่าวสาารต่างๆ ออกมาอยู่เนืองๆ รวมทั้งมีผู้ที่เข้าไปเป็นเพื่อนกับเฟสบุ๊คชื่อนี้กว่า 208 คนแล้วจึงต้องยับยั้งและดำเนินคดีเอาไว้
ขณะที่นายจรัญ กล่าวว่าได้มีการตรวจสอบเฟสบุ๊คดังกล่าวเบื้องต้นกแล้วทราบว่ามีผู้ทีใช้เฟสบุ๊คในลักษณะเดียวกันนี้ที่จังหวัดหนึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือโดยมีการขอให้บุคคลอื่นโอนเงินเข้าไปในบัญชีธนาคารจำนวน 40,000-50,000 บาท ส่วนที่ จ.เชียงราย พบว่าได้มีการขอให้คนโอนเงินเข้าไปในลักษณะดังกล่าวแล้วแต่ยังไม่มีคนโอนให้เฟสบุ๊คดังกล่าวก็ได้เร่งรัดให้โอนอีก ทั้งนี้พบว่าใช้บัญชีธนาคารเดียวกันอีกด้วยจึงเชื่อว่าเป็นบุคคลเดียวกัน ดังนั้นทางจังหวัดเกรงจะทำให้เกิดความเสียหายจึงต้องให้ป้องปรามและให้มีการเร่งรัดติดตามจับกุมเพื่อดำเนินคดีให้ถึงที่สุดต่อไป