ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชุมพร เรียกชุดสืบสวนสอบสวนคดีฆ่า“หมอปอ”สรุปสำนวนเตรียมส่งสั่งฟ้องดำเนินคดีกับนายรณชัย หรือ เก่ง ปานชาติ และ นส.นฤมล หรือ สาว ช่วยสมบัติ ผู้ต้องหาร่วมกัยฆ่า น.ส.นนทิญา ครัวจตุรัส หรือหมอปอ ซึ่งโทษสูงสุดประหารชีวิตแน่นอน แต่ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาลจะตัดสิน
วันนี้ (25 ธ.ค.60) พล.ต.ต.สนธิชัย อาวัฒนกุลเทพ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชุมพร เปิดเผยว่า ได้ส่งสำนวนคดีฆ่าหมอปอ ให้อัยการเป็นที่เรียบร้อย มั่นใจว่าพยานหลักฐานที่รวบรวมไว้สามารถส่งฟ้องต่อศาลได้ ส่วนรถเก๋งยี่ห้อซูซูกิ สวิฟท์ ที่ผู้ต้องหาใช้ในการกระทำผิด ได้ยึดไว้ตั้งแต่วันแรก
สำหรับข้อหาที่แจ้งผู้ต้องหาทั้ง นายรณชัย ปานชาติ หรือ “นายเก่ง” และ นส.นฤมล หรือ สาว ช่วยสมบัติ คนละ 3 ข้อหา คือ ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน ,มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองพกพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตในที่สาธารณะ, และลักทรัพย์ โดยโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต
สำหรับ นายรณชัย และ นางสาวนฤมล ผู้ต้องหาทั้ง 2 รายได้ขออำนาจศาลฝากขังแล้ว โดยพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว เพราะเป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ หากได้รับการประกันตัวออกไปสามารถไปทำลายพยานหลักฐานได้ ในเบื้องต้นยังมีสื่อและกระแสสังคมที่เข้าใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับการสอบปากคำ น.ส.นฤมล ที่ร่วมก่อคดีในฐานะพยาน แต่ไม่เคยกันตัวไว้เป็นพยาน การสอบในฐานะพยานเพื่อให้พยานหลักฐานเกิดความสมบูรณ์ก่อน จากนั้นจึงขออนุมัติหมายศาลจับตัว นายเก่ง และเมื่อมีพยานหลักฐานเพียงพอว่าพยานมีส่วนร่วมกระทำความผิดด้วย จึงแจ้งขอกล่าวหาและออกหมายจับ น.ส.นฤมล ในเวลาต่อมา แต่หากกันตัวเป็นพยาน หมายถึงบุคคลนั้นต้องถูกจับกุมแล้ว และพนักงานสอบสวนทำสำนวนสั่งไม่ฟ้อง จึงจะเข้าสู่กระบวนการกันไว้เป็นพยาน
สำหรับกรณีที่ครอบครัวของทั้งสองฝ่าย ยังคาใจในทรัพย์สินเงินทองที่หายไปนั้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เชิญทั้งสองฝ่ายนำเอกสารหลักฐานที่มีอยู่ที่เกี่ยวพันกับทรัพย์สินมามอบให้กับทางเจ้าหน้าที่ เพื่อตรวจสอบให้กระจ่าง ว่าเงินค่าสินสอดจำนวน 7 แสน และทองคำ 10 บาทหายไปไหน ซึ่งขณะนี้ตำรวจยังไม่มีข้อมูล มีเพียงสื่อโซเชียล เสนอว่า เงินถูกถอนออกไปในวันที่ 24 ธันวาคมบ้าง หรือ ก่อนหมอปอ เสียชีวิตบ้าง จึงขอร้องให้ญาตินำหนักฐานมาสอบให้เจ้าหน้าที่ด้วย
ด้าน นายวินัย ปานชาติ พ่อของ นายเก่ง ยอมรับว่า ยังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะลูกชายตัวเองต้องถูกจับติดคุก ทั้งยังต้องสูญเสียว่าที่ลูกสะใภ้ไปพร้อมกันซึ่ง น้องปอ เองตนก็รักเหมือนลูก เพราะปอ ก็เป็นคนนิสัยดี หลังสื่อนำเสนอข่าว ครอบครัวก็ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะลูกหลานที่ไปเรียนหนังสือก็จะถูกเพื่อนล้อว่าเป็นญาติ “ฆาตกร” ทำให้กระทบกับสภาพจิตใจ จึงอยากขอความเห็นใจจากสังคมและวิงวอนให้สื่อโซเชียลหยุดโจมตี