ความคืบหน้าเกี่ยวกับเหตุรถยนต์ขับตามมาปาดหน้ารถเก๋งของสาววัย 26 ปี ซึ่งมากับเพื่อนชาย 2 คน ฉุดสาวเรียกค่าไถ่ที่หน้าจวนผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ ตอนนี้ก็ได้ทำแผนไปแล้ว 3 คน ส่วนอีก 2 คนเข้ามอบตัวเมื่อช่วงเช้าวันนี้และให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา พร้อมกับอ้างว้าถูกจ้างมาโดย “เจ๊ปู” ไม่ทราบชื่อจริง เพื่อทวงหนี้ที่เหยื่อยืมมาแต่ไม่ได้เป็นเงินติดค้างค่ายาเสพติด ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้ง 6 ข้อหาหนัก หนึ่งในนั้นก็คือ เรียกค่าไถ่ มีโทษหนักถึงขั้นประหารชีวิต
เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ และชุดสืบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์ คุมตัว นายรัฐศาสตร์ ภูนายาว อายุ 34 ปี ซึ่งเป็นชายในคลิปกล้องวงจรปิดที่ดึงกระชากผม น.ส.เอ ลงจากรถ และ นายศุภมิตร บัญชา อายุ 30 ปี ซึ่งเป็นคนขับรถกระบะอีซูซุ สีแดง 4 ประตู ซึ่งทั้งคู่เป็นญาติกัน เข้าพบ นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ เพื่อทำการสอบถามเหตุการณ์ในเบื้องต้น หลังติดต่อเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา หลังจากถูกเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนกดดันและไล่ล่าตัวอย่างหนักตลอดช่วง 2 วัน ตั้งแต่ร่วมกันก่อเหตุเมื่อช่วงเวลา 22.00น.วันที่10 ก.ค.ที่ผ่านมา
เบื้องต้นผู้ต้องหาสองคนที่เข้ามอบตัวครั้งนี้ได้มาพร้อมทนายความ ซึ่งได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา โดยเฉพาะข้อหาเรียกค่าไถ่ แต่ยอมรับว่าได้เข้าไปอุ้มตัว น.ส.เอ (นามสมมติ) จริงตามคลิป แต่เป็นการทำงานตามใบสั่งจาก “เจ๊ปู” (ไม่ทราบชื่อจริง) เจ้าของรีสอร์ทแห่งหนึ่งใน จ.มหาสารคาม โดยได้รับค่าจ้างเป็นเงิน 10,000 บาท ให้มาทวงหนี้ที่ น.ส.เอ กู้ยืมมา แต่ไม่ทราบว่าเป็นเงินค่าอะไร และปฏิเสธที่ถูก น.ส.เอ อ้างว่าเป็นการทวงเงินในกระบวนการค้ายาบ้า เจ้าหน้าที่จึงไม่ได้นำตัวทั้ง 2 คนไปชี้จุดเกิดเหตุ เนื่องจากผู้ต้องให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาจึงนำตัวมาสอบปากคำซึ่ง นายรัฐศาสตร์ ภูนายาว หนึ่งในผู้ต้องหา บอกว่า ได้รับค่าจ้างจาก “เจ๊ปู” เป็นเงิน 10,000 บาทเพื่อทำหน้าที่ทวงเงินให้เสร็จสิ้นก็พอ แต่ไม่รู้ว่าทวงเงินค่าอะไรก็มาถูกจับเสียก่อน พร้อมยืนยันว่าไม่มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับหนี้สินที่ค้างใด ๆ ทั้งสิ้น
พ.ต.อ.รัชพล เสริมศรัณย์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองกาฬสินธุ์ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่สามารถติดตามจับตัวผู้ต้องหาได้ก่อนหน้าที่พร้อมกับนำตัวไปทำแผนแล้ว 3 คน และในวันนี้ก็มีนายรัฐศาสตร์ ภูนายาว อายุ 34 ปี ซึ่งจากการตรวจสอบเป็นชายในคลิปกล้องวงจรปิดที่ดึงกระชากผม น.ส.เอ ลงจากรถ และ นายศุภมิตร บัญชา อายุ 30 ปี ซึ่งเป็นคนขับรถกระบะอีซูซุ สีแดง 4 ประตู ได้ติดต่อเข้ามามอบตัว หลังจากถูกเจ้าหน้าที่กดดันอย่างหนัก โดยเบื้องต้นทั้ง 2 คนปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา โดยเฉพาะการเรียกค่าไถ่ พร้อมอ้างว่าสาเหตุที่อุ้ม น.ส.เอ นั้นได้รับการว่าจ้างให้มาทวงหนี้ ไม่รู้ว่าเป็นค่าอะไรแต่ไม่ใช่เป็นค่าติดค้างยาเสพติด อย่างไรก็ตาม เนื่องจากในแนวทางการสืบสวนสอบสวนทราบว่าให้น้ำหนักไปที่พฤติกรรมในการเรียกค่าไถ่ ซึ่งมีโทษสูงถึงขั้นประหารชีวิต
เบื้องต้นพนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาหนักถึง 6 ข้อหาทั้ง 5 คน คือ ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์, ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดหรือจำยอมต่อสิ่งใดโดยใช้อาวุธทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน, ร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยวผู้อื่น, ร่วมกันพยายามกักขังหน่วงเหนี่ยวเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่, พกพาอาวุธมีดไปในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน พร้อมนำตัวไปฝากขังยังศาลจังหวัดกาฬสินธุ์เรียบร้อยแล้ว