วัคซีนไฟเซอร์ — สำนักข่าวอาร์ทีของรัสเซียเปิดเผยว่าเกิดเหตุนางพยาบาลในเมืองสกอร์เทน-รัฟเฮาเซ่น ทางตอนเหนือของเยอรมนีได้ฉีดน้ำเกลือ แทนวัคซีนป้องกันโควิด19ให้กับประชาชน ที่มาฉีดที่ศูนย์ฉีดวัคซีน โดยมีทั้งผู้ที่ฉีดวัคซีนแค่โดส 1 หรือได้ฉีดแค่น้ำเกลือ หลังจากที่เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการสอบสวน เนื่องจากพบว่ายอดผู้ติดเชื้อโควิด19มากขึ้น และมีการตรวจสอบพบว่ามีผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีนอย่างเหมาะสมเพิ่มจาก 6 เป็น 22 คนเมื่อพ.ค.ที่ผ่านมา ตำรวจจึงได้เริ่มดำเนินการสอบสวนและรวบรวมหลักฐาน
ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการฉีดน้ำเกลือแทนวัคซีนดังกล่าวส่วนใหญ่จะเป็นผู้สูงอายุ ที่มีอายุมากกว่า 70 ปีขึ้นไป ที่เข้ารับการฉีดวัคซีนระหว่างวันที่ 5 มี.ค.ถึง 20 เม.ย. 2564 ที่ผ่านมา ซึ่งในช่วงเวลานั้นมีผู้มาฉีดวัคซีน 9,673 คน ในศูนย์ฉีดวัคซีนเมืองสกอร์เทน-รัฟเฮาเซ่น
ผลวิจัยชี้ วัคซีนโมเดอร์นา ต้านเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลต้าได้ดีกว่าไฟเซอร์
ด้านตำรวจเปิดเผยว่าเหตุฉีดน้ำเกลือแทนวัคซีนป้องกันโควิด19ไม่ได้เกิดจากความผิดพลาด จากการสอบสวนทราบว่าผู้ก่อเหตุเป็นอดีตพยาบาลของกาชาดเยอรมนี ซึ่งเธอทำหน้าที่เตรียมเข็มฉีดวัคซีนให้กับผู้ที่มารอฉีดวัคซีน
ทั้งนี้ พยาบาลผู้ก่อเหตุคนดังกล่าวเริ่มทำงานที่ศูนย์ฉีดวัคซีนตั้งแต่ต้นปีนี้ และได้สารภาพกับเพื่อนร่วมงานเมื่อช่วงปลายเดือนเม.ย.ที่ผ่านมาว่า เธอได้เติมน้ำเกลือเข้าไปในกระบอกฉีดยาทั้งหมด 6 หลอด หลังจากที่เธอทำขวดวัคซีนไฟเซอร์ตกแตก และพยายามปกปิดความผิด ซึ่งขณะนี้พยาบาลคนดังกล่าวได้ถูกเลิกจ้างเป็นที่เรียบร้อย
ในเวลานี้ เจ้าหน้าที่กำลังเร่งติดต่อผู้ที่เคยเข้ารับการฉีดวัคซีนที่ศูนย์แห่งนี้ พร้อมกับตั้งสายด่วนเพื่อตอบข้อสงสัยให้ผู้ที่เคยเข้ารับการฉีดวัคซีนภายในศูนย์ดังกล่าวแล้ว โดยเจ้าหน้าที่ทดสอบผู้ที่เข้ารับการฉีดวัคซีนราว 200 คนในช่วงที่พยาบาลคนดังกล่าวก่อเหตุ แต่ยังไม่ทราบแน่ชัดว่ามีผู้ที่ถูกฉีดน้ำเกลือแทนวัคซีนเข้าไปกี่ราย
เบื้องต้น ตำรวจเชื่อว่าพยาบาลคนดังกล่าวเหตุการณ์ดังกล่าวอาจมีแรงจูงใจทางการเมืองแอบแฝง เนื่องจากก่อนหน้านี้ ผู้ก่อเหตุเคยโพสต์วิพากษ์วิจารณ์วัคซีนป้องกันโควิด และมาตรการของรัฐบาลในการป้องกับโรคติดต่อลงในโซเชียลมีเดีย ซึ่งตำรวจก็เตรียมดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติมต่อไป