โรคปอดอักเสบ สถานเอกอัคราชทูตไทย ประจำกรุงกรุงนูร์-ซุลตันของสาธารณรัฐคาซัคสถานได้โพสต์ข้อความเตือนชาวไทย ในสาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐคีร์กีซ และสาธารณรัฐทาจิกิสถาน ถึงกรณีที่พบผู้ติดเชื้อโรคปอดอักเสบเป็นจำนวนมาก และทำให้มีผู้เสียชีวิตในคาซัคสถานกว่า 1,700 คน โดยระบุว่า
เรียน ประชาชนชาวไทยที่อาศัยอยู่ในสาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐคีร์กีซ และสาธารณรัฐทาจิกิสถาน ทุกท่าน
ทุกท่านคงได้ทราบดีอยู่แล้วว่า ขณะนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ในคาซัคสถาน สาธารณรัฐคีร์กีซ และสาธารณรัฐทาจิกิสถานยังคงมีความรุนแรง โดยในสาธารณรัฐคาซัคสถานมีจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัส COVID-19 ทั้งสิ้น 54,747 ราย รักษาหายทั้งสิ้น 31,815 ราย และเสียชีวิตทั้งสิ้น 264 ราย (สถานะวันที่ 10 กรกฎาคม 2563) ซึ่งรัฐบาลคาซัคสถานประกาศให้มีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 5 กรกฎาคม 2563 มีระยะเวลาการดำเนินการตามมาตรการ 14 วัน (อาจขยายต่อ) โดยมีมาตรการ อาทิ จำกัดการออกจากที่อยู่อาศัยของประชาชน ยกเว้นเพื่อการออกไปซื้อของอุปโภคบริโภค และยารักษาโรคตามความจำเป็น ห้ามไม่ให้มีการชุมนุมในที่สาธารณะมากกว่า 3 คนขึ้นไป (ยกเว้นสมาชิกในครอบครัว) และห้ามเปิดสถานเสริมความงาม ร้านตัดผม ฟิตเนส ศูนย์กีฬา สระว่ายน้ำ ตลาดทุกประเภทที่อยู่ในร่ม สวนน้ำ สถานที่ด้านวัฒนธรรม พิพิธภัณฑ์ นิทรรศการ สวนสนุก ศูนย์ความบันเทิง สถานศึกษาสำหรับเด็กก่อนปฐมวัย สถานที่ทางศาสนา โรงภาพยนตร์ ศูนย์อาหาร ฯลฯ
นอกจากนี้ ยังมีรายงานข่าวการระบาดของโรคปอดอักเสบในคาซัคสถาน ซึ่งเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2563 นาย Alexey Tsoi รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขคาซัคสถาน ได้แถลงข่าว กล่าวถึงจำนวนตัวเลขของผู้เสียชีวิตจากอาการปอดอักเสบในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563 ซึ่งมีทั้งสิ้น 1,172 ราย มากกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปี 2562 ประมาณร้อยละ 50 ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขย้ำว่า เป็นโรคปอดอักเสบที่มีลักษณะทั่วไป ซึ่งอาจเกิดจากเชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้อไวรัส โดยคาซัคสถานได้รักษาโรคดังกล่าวโดยใช้มาตรฐานเดียวกันกับการรักษาผู้ติดเชื้อไวรัส COVID-19 ซึ่งรัฐบาลคาซัคสถานกำลังหาสาเหตุที่แน่ชัดของโรคปอดอักเสบชนิดดังกล่าวอยู่
สถานเอกอัครราชทูตฯ ขอแนะนำให้พี่น้องชาวไทยในเขตอาณาของสถานเอกอัครราชทูตฯ “การ์ดไม่ตก” ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 และโรคปอดอักเสบอย่างเคร่งครัดเพื่อป้องกันความเสี่ยงในการติดเชื้อโรคดังกล่าว โดยการอยู่ในที่พักอาศัยและไม่ออกไปข้างนอกหากไม่จำเป็นจริง ๆ รักษาสุขอนามัย โดยการหมั่นล้างมือด้วยน้ำและสบู่ หรือล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ล้างมือ ไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น รับประทานอาหารร้อนและใช้ช้อนส่วนตัว ปิดปากเมื่อไอหรือจาม หลีกเลี่ยงการสัมผัสและการอยู่ใกล้ชิดผู้ป่วย หลีกเลี่ยงสถานที่แออัด สวมใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งที่จำเป็นต้องออกจากที่พักอาศัยและพยายามรักษาระยะห่างจากผู้อื่นอย่างน้อย 1-2 เมตร ทำความสะอาดสิ่งของที่ซื้อมาทันทีที่ซื้อเสร็จรวมทั้งหมั่นทำความสะอาดที่พักอาศัยเนื่องจากเชื้อไวรัสสามารถมีชีวิตบนพื้นผิวต่าง ๆ ได้เป็นเวลานาน รักษาร่างกายให้อบอุ่น และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้สุขภาพแข็งแรงและเสริมภูมิต้านทานตนเอง
ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัย หรือมีอาการไข้สูง มีน้ำมูก ปวดกล้ามเนื้อ มีอาการปอดอักเสบ หายใจไม่สะดวก มีอาการไอ จาม และหัวใจเต้นเร็ว ไม่ควรรักษาด้วยตนเอง และควรแจ้งบุคลากรทางการแพทย์ทราบให้เร็วที่สุด รวมทั้งแยกตนเองออกจากผู้อื่น
อ่านข่าว องค์การอนามัยโลกเตรียมเฝ้าระวัง โรคปอดอักเสบ ปริศนาระบาดในคาซัคสถาน