ประท้วงสหรัฐ เหตุประท้วงการเสียชีวิตของนายจอร์จ ฟลอยด์ ชายผิวสี ในสหรัฐฯยังคงเป็นไปอย่างตึงเครียด โดยล่าสุดในโลกโซเชียลเผยภาพเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคมที่ผ่านมา ขณะที่รถยนต์ของตำรวจนิวยอร์ก 2 คันพุ่งชนกลุ่มผู้ประท้วง ที่ยืนขวางทางบนถนน และกำลังขว้างปาสิ่งของใส่รถตำรวจ
ด้านนายบิล เดอ บลาซิโอ นายกเทศมนตรีนครนิวยอร์กได้แสดงความคิดเห็นต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยระบุว่า ตำรวจจำเป็นต้องแก้ปัญหาตามสถานการณ์ เนื่องจากกลุ่มผู้ประท้วงพยายามทำร้ายเจ้าหน้าที่ และเข้าใจดีว่าตำรวจไม่ได้เป็นฝ่ายสร้างสถานการณ์ โดยในเวลานี้ยังไม่มีรายงานว่ามีกลุ่มผู้ประท้วงบาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้กี่ราย
ขณะที่เหตุประท้วงในสหรัฐฯทำให้ พื้นที่อย่างน้อย 40 เมือง เช่นกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. นครนิวยอร์ก นครลอสแอนเจลิส ซานฟรานซิสโก และเมืองแอตแลนตาต้องประกาศเคอร์ฟิว หลังเหตุประท้วงทวีความรุนแรง จนกลายเป็นเหตุจลาจล โดยกลุ่มผู้ประท้วงออกมาเผาทำลายอาคาร รถยนต์ และปล้นสะดมตามร้านค้าต่างๆ โดยในเวลานี้ มีรายงานตำรวจจับกุมกลุ่มผู้ประท้วงได้มากกว่า 1,700 คนแล้วในพื้นที่ 22 เมือง
ล่าสุด เหตุประท้วงต่อต้านการเหยียดสีผิวได้เริ่มลุกลามไปยังยุโรปแล้ว โดยเมื่อวานนี้มีกลุ่มผู้ประท้วงออกมาเดินขบวนชุมนุมผ่านหน้ารัฐบาล และสถานทูตสหรัฐในกรุงลอนดอนของอังกฤษ รวมทั้งกรุงเบอร์ลินของเยอรมนีเพื่อแสดงความเป็นหนึ่งเดียวกับกลุ่มผู้ประท้วงในสหรัฐฯ และเรียกร้องความยุติธรรมให้กับนายจอร์จ ฟลอยด์
ทั้งนี้ ชาวสหรัฐฯได้ออกมาประท้วงต่อต้านการเหยียดสีผิว หลังนายจอร์จ ฟลอยด์ถูกตำรวจใช้เข่ากดลำคอนานถึง 8 นาที จนเสียชีวิต ขณะที่เขาถูกจับกุม หลังถูกต้องสงสัยว่าใช้ธนบัตรปลอมซื้อของในร้านค้า โดยกลุ่มผู้ประท้วงต่างออกเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับนายฟลอยด์ และให้ตำรวจที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย