ประธานาธิบดี สหรัฐฯ ประกาศ! “วันจูนทีนธ์” 19 มิ.ย. ของทุกปี เป็นวันหยุดแห่งชาติ เพื่อฉลองการเลิกทาส ของชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกัน
สื่อสหรัฐ รายงานว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ ได้ลงนามกฎหมายรับรองให้ “วันจูนทีนธ์” วันที่ 19 มิถุนายน ของทุกปีเป็นวันหยุดแห่งชาติอย่างเป็นทางการ เพื่อเป็นการเพื่อเฉลิมฉลองการสิ้นสุดความเป็นทาสของชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันที่ดำเนินมานานถึง 155 ปีก่อนจะยุติได้หลังสงครามกลางเมือง โดยได้ลงนามเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2564 ที่ผ่านมา และมีผลบังคับใช้ในวันที่ 18 มิถุนายน ทันที
“วันจูนทีนธ์” 19 มิถุนายน ของทุกปี
- 19 มิถุนายน ของทุกปี “วันประกาศอิสรภาพแห่งชาติ จูนทีนธ์”
- ก่อตั้งขึ้นในปั คศ.2408 ช่วงสมัยประธานาธิบดีอับราฮัม ลินคอล์น เพื่อรำลึกถึงการเลิกทาส
- ในปี 2523 รัฐเทกซัส ประกาศให้ “วันจูนทีนธ์” เป็นวันหยุดประจำปี
- ต่อมาอีกอย่างน้อย 46 รัฐ รวมถึงกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ทยอยประกาศให้เป็นวันหยุดเช่นเดียวกัน โดยชาวอเมริกัน
- ในวันนี่จะเป็นวันที่ชาวอเมริกันรวมตัวกันเมื่อรับประทานอาหารร่วมกัน ในสวนสาธารณะ รวมถึงเดินขบวนพาเหรดและจัดการแสดงคอนเสิร์ต เพื่อเป็นการเฉลิมฉลอง “วันจูนทีนธ์”.
ทั้งนี้ในสหรัฐอเมริการมีวันหยุด ที่ผ่านการลงนามอน่างเป็นทางการเพียงแค่ 10 วันต่อปีเท่านั้น
- วันขึ้นปีใหม่ (วันที่ 1 มกราคมของทุกปี)
- วันคล้ายวันเกิดมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ (วันจันทร์ที่ 3 ของเดือนมกราคม)
- วันคล้ายวันเกิดจอร์จ วอชิงตัน (วันจันทร์ที่ 3 ของเดือนกุมภาพันธ์)
- วันรำลึกผู้อุทิศชีวิตในสงคราม (วันจันทร์สุดท้ายของเดือนพฤษภาคม)
- วันประกาศอิสรภาพ (วันที่ 4 กรกฎาคมของทุกปี)
- วันแรงงาน (วันจันทร์แรกของเดือนกันยายน)
- วันโคลัมบัส (วันจันทร์ที่ 2 ของเดือนตุลาคม)
- วันทหารผ่านศึก (วันที่ 11 พฤศจิกายนของทุกปี)
- วันขอบคุณพระเจ้า (วันพฤหัสบดีที่ 4 ของเดือนพฤศจิกายน)
- วันคริสต์มาส (วันที่ 25 ธันวาคมของทุกปี)
ถึงได้ว่า “วันจูนทีนธ์” เป็ยวันหยุดน้องใหม่ล่าสุดของชาวสหรัฐเลย เนื่องจากประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ ลงนามกฎหมายรับรอง ให้วันจูนทีนธ์ เป็นวันหยุดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2564 หลังจากผ่านรัฐสภาสหรัฐอเมริกาได้ผ่านกฎหมายรับรองวันหยุดรัฐการใหม่ของสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2564 และมีผลบังคับใช้ทันทีในวันที่ 18 มิถุนายน 2564
สามารถติดตามข่าวสาร และ อัพเดทสถานการณ์โควิด-19 ได้ที่ เว็บไซต์ Bright Today หรือ Facebook Bright TV
ข่าวที่น่าสนใจ