จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผย การค้นพบใหม่ กะท่างน้ำดอยภูคา จำนวนกว่า 50 ตัว บริเวณอุทยานแห่งชาติดอยภูคา จ.น่าน
ดร.ปรวีร์ พรหมโชติ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ตนพร้อมด้วยคณะ ร่วมมือกับ นักวิจัยทั้งจากมหาวิทยาลัยเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น ผู้สนับสนุนจากประเทศฝรั่งเศส และมหาวิทยาลัยพะเยา ภายใต้การสนับสนุนการสำรวจโดยศูนย์เครือข่ายการเรียนรู้เพื่อภูมิภาค จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จังหวัดน่าน
คณะวิจัยสนใจการค้นพบกะท่างน้ำ บริเวณดอยภูคาที่มีเรื่องเล่าการพบเห็นในนิตยสารบางฉบับมามาก กว่า 20 ปีแล้ว จึงสนใจที่ค้นคว้าเพิ่มเติมว่ากะท่างที่พบนั้นยังมีอยู่หรือไม่ เป็นจุดเริ่มต้นของการลงพื้นที่ โดยขออนุญาตและได้รับความอนุเคราะห์จาก นายฉัตรชัย โยธาวุธ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยภูคา และมี นายพศิน อิ่นแก้ว พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อุทยานท่านอื่นๆ เป็นผู้นำเส้นทาง
ดร.ปรวีร์ กล่าวต่อไปว่า จากลักษณะทางกายภาพของ กะท่างน้ำดอยภูคา ที่มีสีน้ำตาลแถบส้ม ทำให้คณะนักวิจัยทราบได้ว่าสัตว์ตัวนี้ถือเป็นกะท่างน้ำสายพันธุ์ใหม่ของโลก ที่สำคัญยังได้รับรู้ถึงความสมบูรณ์ของพื้นป่าบริเวณนี้อีกด้วย
เพราะกะท่างน้ำดอยภูคา เป็นสัตว์ที่สามารถใช้เป็นตัวชี้วัดสุขภาพสิ่งแวดล้อมของผืนป่าในบริเวณที่พบได้เป็นอย่างดี จากธรรมชาติของ ไข่ ตัวอ่อนและตัวเต็มวัยของกะท่าง จะอยู่อาศัยได้ในบริเวณผืนป่าสมบูรณ์ที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงและไม่ถูกทำลาย รวมถึงพื้นที่นั้น ๆ ต้องไม่มีสารเคมีปนเปื้อน 100% เท่านั้น
ซึ่งคณะนักวิจัยและคณะผู้นำทาง ต้องปีนขึ้นบนยอดดอยที่สูงชัน ผ่านป่าดิบที่สมบูรณ์ เพื่อค้นหาแอ่งน้ำ ที่เป็นแหล่งอาศัยของกะท่าง จนไปถึงแอ่งน้ำบนดอยหญ้าหวาย มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 1,795 เมตร พบกะท่างน้ำดอยภูคาปีนอยู่ตามกอหญ้า ขอนไม้และก้อนหินกลางแอ่งน้ำ มากกว่า 50 ตัว และส่วนใหญ่เป็นตัวผู้ เมื่อสำรวจทั้งแอ่งน้ำและริมตลิ่ง พบว่ากะท่างน้ำดอยภูคากำลังมุ่งหน้าเข้าผืนป่า คาดเดาว่าเป็นช่วงปลายของฤดูผสมพันธุ์
ธรรมชาติของกะท่างน้ำ เมื่อผสมพันธุ์กันแล้ว ตัวเมียจะวางไข่หลัง และทิ้งไข่ปล่อยให้ปรับตัวไปตามธรรมชาติ ส่วนตัวพ่อและแม่นั้นจะมุ่งหน้ากลับผืนป่า เพราะโดยธรรมชาติของกะท่างจะใช้ชีวิตอยู่บนบกยกเว้นช่วงเวลาผสมพันธุ์เท่านั้น
ทั้งนี้ การค้นพบดังกล่าว ได้รับการตีพิมพ์ลงในวารสารทางวิทยาศาสตร์เป็นที่เรียบร้อย
สำหรับ กระท่างน้ำดอยภูคา ตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่สถานที่พบ คืออุทยานแห่งชาติดอยภูคา จ.น่าน มีชื่อวิทยาศาสตร์คือ Tylototriton phukhaensis จัดเป็นกะท่างน้ำชนิดที่ 5 ที่มีรายงานการตั้งชื่อในประเทศไทย เป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังกลุ่มสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก มีลักษณะสำคัญคือมีสีน้ำตาลแถบส้ม มีขาสี่ข้าง มีหางยาว มีความแตกต่างจากกลุ่มของกบ เขียด คางคก
มีรูปร่าง 2 แบบ คือ
- แบบที่ 1 เรียกว่า newt หรือ นิวท์ มีลักษณะของผิวหนังที่ไม่เรียบ มีต่อมน้ำพิษปรากฏอยู่บนผิวหนังด้านหลัง บริเวณลำตัวและหัวมีสันที่ปรากฏอย่างชัดเจน มีสีสันบนลำตังไม่มากนัก ที่พบเด่นชัดคือ สีส้ม ที่ปรากฏตามสันของร่างกาย ปลายขาและปลายหาง
- แบบที่ 2 เรียกว่า salamander หรือ ซาลาแมนเดอร์ มีลักษณะของผิวหนังเรียบลื่น อาจจะมีของต่อมน้ำพิษปรากฏอยู่หลังลูกตา ลำตัวมีร่องอยู่ด้านข้างระหว่างขาหน้าและขาหลัง ซึ่งจะไม่ปรากฏในกลุ่มนิ้วท์ พวกซาลาแมนเดอร์ไม่พบในประเทศไทย
ภาพ : Department of Biology, Faculty of Science, Chulalongkorn University