กกต.ย้ำส่งชื่อ 200 ส.ว.ให้คสช.เคาะ 2-5 ม.ค.62 ลั่นดึงปชช.มีส่วนร่วม เปิดปฏิทินคัดเลือก 3 ระดับเริ่ม 16 ธ.ค. ลั่นส่งพนง.สอบสวนหาข่าวฟันคดีทุจริต
เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ห้องวายุภักษ์ 2 ชั้น 4 โรงแรมเซ็นทรา บาย เซ็นทารา ศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) แถลงถึงความพร้อมของกกต.ในการจัดการเลือก ส.ว. ว่า จากรัฐธรรมนูญฉบับใหม่มีการเปลี่ยนแปลงการเลือกส.ว. จึงเชื่อว่าสื่อมวลชนเป็นกำลังสำคัญในการแผยแพร่ข้อมูลข่าวสารไปยังประชาชน เพื่รับทราบขั้นตอนและข้อระวังในการเสนอข่าว เพราะการเลือกส.ว.ครั้งนี้เป็นครั้งแรกของรัฐธรรมนูญบับใหม่ ภายหลังการทำงานที่ผ่านของกกต.ชุดนี้ได้รับคามร่วมมืออย่างดีกับสื่อมวลชน
นายอิทธิพร กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ การเลือกส.ว.ตามมาตรา 169 ได้บัญญัติให้มีส.ส. 250 คนมาจากการสรรหาและแต่งตั้ง 3 ส่วน 1.กกต.คัดเลือก 3 ระดับ ตั้งแต่อำเภอ จังหวัด และประเทศ โดยมาจากการเลือกกันเองของกลุ่มบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญใน 10 กลุ่มอาชีพให้ได้ 200 รายชื่อแล้วให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) คัดเลือกเหลือ 50 และสำรอง 50 คน 2.คณะกรรมการคัดเลือกจำนวน 400 คนเพื่อส่งให้คสช.คัดเลือกเหลือจำนวน 194 คน โดยคณะกรรมการชุดนี้ได้รับการแต่งตั้งจากคสช. 3.เป็นส.ว.โดยตำแหน่ง 6 คน ประกอบด้วย 1.ปลัดกระทรวงกลาโหม 2.ผู้บัญชาการทหารบก 3.ผู้บัญชาการทหารเรือ 4.ผู้บัญชาการทหารอากาศ 5.ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ 6.ผู้บัญชาการทหารสูงสุด
“การได้มาส.ว.ครั้งนี้ยังได้เปิดกว้างในประชาชนมีส่วนร่วมทางการเมืองมากยิ่งขึ้นจาก 10 กลุ่มอาชีพโดนผ่านช่องทางการสมัครโดยสมัครด้วยตนเอง และสมัครในนามองค์กร โดยมียอดลงทะเบียนทั้งหมด 476 องค์กร แต่มีองค์กร 436 องค์ที่ได้รับการรับรอง และจะเปิดรับสมัครวันที่ 26-30 พ.ย.2561 โดยกกต.กำหนดวันคัดเลือกส.ว.ระดับอำเภอวันที่ 16 ธ.ค. ระดับจังหวัดวันที่ 22 ธ.ค. และระดับประเทศวันที่ 27 ธ.ค.”นายอิทธิพร กล่าว
นายอิทธิพร กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาได้ประชุมกับกระทรวงมหาดไทยเมื่อวันที่ 27 ก.ย.2561 เพื่อเตรียมความพร้อม และยังจัดประชุมกับผู้อำนวยการกกต.จังหวัดมาแล้ว เมื่อวันที่ 1-2 พ.ย.เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างถูกต้องและเป็นแนวทางเดียวกัน นอกจากนี้ กกต.ยังประชุมผู้ตรวการเลือกตั้งจำนวน 597 คนชี้แจงขั้นตอการเลือกส.ส.และเลือกตั้ง ส.ส. เพื่อให้กกต.มั่นใจว่าผู้ตรวจการเลือกตั้งจะเข้าใจบทบาทหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด ขณะเดียกวันกกต.ยังลงพื้นที่แต่ละจังหวัดเพื่อตรวจความพร้อมการเลือกส.สว.แต่ละจัวหวัด ซึ่งยังไม่พบปัญหาในการเตรียมความพร้อมแต่อย่างใด
“แต่ละจังหวัดได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการเพื่อประสานกันในแต่ละอำเภอ และจัดประชุมผู้สมัครด้วย ขณะเดียวกันพื้นทีส่วนกลางได้จัดศูนย์อำนายการประสานงานตั้งแต่วันที่ 19 พ.ย.ถึง 4 ม.ค.2562 ที่กกต.นอกจากนี้ได้ตั้งศูนย์ประชาสัมพันธ์ที่ลานเอนประสงค์ชั้นสองที่สำนักกกต. เพื่อให้ศูนย์รับทราบเหตุการณ์ต่างๆในการเลือกส.ว. และให้สื่อมวลชนรับข้อมูลอย่างถูกต้อง โดยคาดว่ากกต.จะเสนอรายชื่อ 200 รายชื่อให้คสช.คัดเลือกได้ในวันที่ 2-5 ม.ค.2562 ดังนั้นกกต.จะทำหน้าที่อย่างมุ่งมั่นเพื่อให้การเลือกตส.ว.ประสบความสำเร็จตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่”นายอิทธิพร กล่าว
นายอิทธิพร ยืนยันว่ากกต.มีความพร้อมทุกด้านเพื่อคัดเลือกส.ว. ที่สำคัญต้องเร่งการสร้างความเข้าใจให้กับประชาชนมากขึ้น เพื่อให้ประชาชนรับทราบหลักเกณฑ์ ขั้นตอน และข้อมูลเกี่ยวกับการเลือกส.ว. เพื่อให้สื่อมวลชนจะมีบทบาทเพื่อสื่อสารไปยังประชาชนให้รับทราบ 4 ด้าน 1.ความพร้อมของกกต.เลือกส.ว. ตั้งแต่การยกร่างระเบียบกกต.ว่าด้วยการเลือก ส.ว.จนเสร็จสิ้น 2.ประสานผู้ว่าฯ นายอำเภอทั่วประเทศ และปลัดกทม.เพื่อเตรียมความพร้อมเป็นคณะกรรมการการเลือกส.ว.ในแต่ละระดับ 3.การเลือกส.ว.ได้กำหนดให้ผู้สมัครแต่ละกลุ่มสมัครด้วยตัวเองและจากองค์กร จำนวน 10 กลุ่ม อาทิ กลุ่มการศึกษา กลุ่มอาชีพกสิกรรม กลุ่มพนักงานลูกจ้างของรัฐ กลุ่มศิลป ดนตรี วัฒนธรรม และกกต.ยังได้งบประมาณรายจ่ายในการคัดเลือกส.ว.ทั้งหมด ประมาณ 1.3 พันล้านบาท โดยกกต.จะใช้จ่าให้เกิดประโยน์สูงสุด 4.ความพร้อมในการประชาสัมพันธ์ให้กับประชาชน ผ่านช่องทางต่างๆ
“รัฐธรมนูญฉบับนี้กกต.ยังมีอำนาจควบคุมดูแลการเลือกส.ว.ให้สุจริต จึงให้อำนาจพนักงานของกกต.สืบสวนหรือไต่สวน เพื่อหาข้อเท็จจริง โดยให้ศาลฎีกานำสำนวนของกกต.ใช้เป็นหลักเกณฑ์พิจารณา โดยกกต.มีอำนาจแต่งตั้งบุคคลที่มีความรู้เป็นเจ้าพนักงานมีอำนาจสืบสวน ไต่สวน และดำเนินคดีได้ โดยกกต.สามารถส่งสำนวนให้พนักงานอัยการใช้สำนวนของกกต.ไต่สวนดำเนินคดี ดังนั้นขั้นตอนนี้จึงมีความสำคัญเพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายประสบความสำเร็จ”นายอิทธิพร กล่าว
นายอิทธิพร กล่าวด้วยว่า ส.ว.ครั้งนี้ไม่ใช่สภาพี่เลี้ยงในรูปแบบเดิม แต่เป็นสภาเติมเต็ม เป็นสภาพลเมืองหรือสภาประชาชนให้ได้เข้ามาในองค์กรนิติบัญญัติได้โดยตรง เพื่อให้การพิจารณาร่างกฎหมายที่ผ่านมาจากส.ส. มีความรอบคอบมากยิ่งขึ้น ตามหลักการการมีส่วนร่วมของประชาชนในการตรากฎหมายต่อไป