ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางเมือง พิพากษาจำคุกนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย เป็นเวลา 1 เดือน ไม่รอลงอาญา ในคดียื่นบัญชีทรัพย์สินเป็นเท็จ ซึ่งศาลไม่ให้ประกันตัว เพราะเคยต้องโทษจำคุกในคดีรื้อบาร์เบียร์ จึงต้องนำตัวเข้าเรือนจำ
รถตู้ของเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ก็มาจอดรอรับ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ อดีตส.ส. บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรครักประเทศไทย หลังถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สั่งคำคุก 1 เดือน โดยไม่รอลงอาญา ในคดียื่นบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จ โดยศาลไม่ให้ประกันตัว เพราะเคยต้องโทษจำคุกมาแล้ว ครั้งแรก ในคดีรื้อบาร์เบียร์ 6 เดือน ต้องเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ อีกรอบ เป็นเวลา 1 เดือน
คดีนี้ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยื่นคำร้องว่านายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ อดีตส.ส. บัญชีรายชื่อ ซึ่งเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.ภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สิน และจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบ ด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ ตามพ.ร.บประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 34,119
โดยวันนี้นายชูวิทย์เดิน ทางมาศาลพร้อมคนสนิท องค์คณะผู้พิพากษาออกนั่งบัลลังก์และสอบถามว่าจะให้การรับสารภาพหรือปฏิเสธ
ซึ่งนายชูวิทย์ แถลงให้การรับสารภาพ ศาลเห็นว่าข้อเท็จจริงเพียงพอแก่การพิจารณาแล้วไม่จำเป็นต้องไต่สวนผู้ถูกกล่าวหาอีก พิพากษาว่า ผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จหรือปกปิด ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 ห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี นับแต่วันที่ 9 ธ.ค. 2556 ที่พ้นจากตำแหน่ง ส.ส. ครั้งที่ 2 และให้จำคุก 2 เดือน แต่ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษกึ่งหนึ่งคงจำคุก 1 เดือน
ทั้งนี้ นายชูวิทย์ ถูกพิพากษาจำคุก 6 เดือน ในคดีรื้อบาร์เบียร์ ซึ่ง ไม่ใช่คดีหมิ่นประมาทหรือลหุโทษ และพ้นโทษมาไม่เกิน 5 ปี จึงไม่อาจรอการลงโทษได้