นายกรัฐมนตรี บอก กำลังพิจารณาบรรจุพยาบาล ยันให้ความสำคัญทุกกลุ่ม หวังปฏิรูปทั้งระบบ ขออย่าเดินขบวน – ไทยยังไม่ถูกไวรัสมัลแวร์ โจมตี สั่งเพิ่มความระมัดระวัง
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ขณะนี้ฝ่ายความมั่นคงได้มีมาตราการดู การแพร่ระบาดไวรัสมัลแวร์เรียกค่าไถ่ ไว้แล้ว ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอี ได้แจ้งเตือนมา และทุกหน่วยงานอยู่ระหว่างการดำเนินการ พร้อมกับได้สั่งการให้เพิ่มความระมัดระวัง และดำเนินการทุกมาตรการที่ได้มีการแจ้งเตือนมา และจนถึงขณะนี้ยังไม่มรายงานว่าหน่วยงานราชการใด ที่ถูกโจมตีด้วยไวรัสดังกล่าว และยืนยันว่าการออกมาเตือนของรัฐบาล ไม่ได้เป็นการสร้างกระแสเพื่อที่จะว่าจ้างบริษัทเอกชน เข้ามาวางระบบป้องกันดังกล่าว เพราะเรื่องนี้ กระทรวงดีอี มีแนวทางในดูแลอยู่แล้ว
พร้อมระบุว่า ปัญหาความมั่นคงทางไซเบอร์ เป็นสิ่งที่ต้องพิจารณา เพราะการเปิดเสรีทุกอย่างอาจทำให้เกิดอันตรายในวันข้างหน้า ที่ยากต่อการควบคุม แต่ไม่ได้หมายความว่า จะต้องไปควบคุม การเข้าถึงข้อมูลหรือปิดปกั้นใช้งานของประชาชน เพราะที่ผ่านมารัฐบาลได้เปิดกว้าง ในการแสดงความคิดเห็นอยู่แล้ว เว้นแต่เป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายก็ต้องดำเนินการ
นายกรัฐมนตรี ขอพยาบาลอย่าเคลื่อนไหว ยันให้ความสำคัญทุกกลุ่ม
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงปัญหาการบรรจุพยาบาลวิชาชีพว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องนี้และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังพิจารณาอยู่ เพราะทั้งหมดอยู่ในแผนปฏิรูประบบสาธารณสุขทั้งระบบ แต่ปัญหาการอนุมัติที่ไม่ผ่านการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี เพราะยังไม่มีความชัดเจน จึงสั่งการให้กระทรวงสาธารณสุขไปจัดทำรายละเอียด วิธีการในการบรรจุคนเข้ารับราชการ เบื้องต้นแนวทางจัดหลักเกณฑ์ คือพิจารณาอัตราว่างจากการเกษียณอายุราชการ และการเกลี่ยตำแหน่ง อย่างกรณีที่ข้าราชการระดับสูงเกษียณอายุราชการ 1 ตำแหน่ง อาจเปิดรับบรรจุข้าราชการระดับล่างทดแทน 4 ตำแหน่ง เป็นต้น
นายกรัฐมนตรีย้ำว่าไม่ได้ละเลย และให้ความสำคัญเป็นพิเศษ แต่ต้องเป็นไปตามขั้นตอน อีกทั้งขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขมีตำแหน่งว่างกว่า 1 หมื่นอัตรา ซึ่งสามารถแปลงมารับบรรจุพยาบาลได้ จึงอยากให้นำเอาตำแหน่งนี้มาพิจารณาก่อนโดยไม่จำเป็นต้องเปิดอัตราใหม่เพื่อรับพยาบาลโดยตรง
ทั้งนี้ขอพยาบาลให้เข้าใจการทำงานของรัฐบาลอย่าออกมาเคลื่อนไหวเดินขบวนเพราะไม่เกิดประโยชน์ หากช่วยได้รัฐบาลก็จะช่วยเต็มที่ ขอให้พยาบาลมีเหตุผล ไม่เช่นนั้นจะตกเป็นเครื่องมือฝ่ายการเมือง ที่มักหยิบยกปัญหาความขัดแย้งมาขยายความให้เกิดประเด็น
ส่วนนักการเมืองที่กล่าวถึงจะใช่นางสาวรังสิมา รอดรัศมี อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ หรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ทราบ