ไปติดตามศึกชิงเก้าอี้หน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่วันนี้เป็นวันเปิดรับสมัครผู้ชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์อย่างเป็นทางการบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก โดยเฉพาะ 3 ผู้สมัคร บรรยากาศเป็นไปแบบถ้อยทีถ้อยอาศัยมาก ทั้งเรื่องที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ นายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม โอนผู้รับรองให้นายอลงกรณ์ พลบุตร และนายอลงกรณ์ขอหลีกทางไม่จับสลากหมายเลขประจำตัว เรียกว่าเป็นบรรยากาศการแข่งขันลงสมัครหัวหน้าพรรค ที่เกื้อกูลกันมากที่เดียว
การจับสลากหมายเลขเริ่มขึ้น เนื่องจากผู้สมัครทั้ง 3 คนมาก่อนเวลาเปิดรับสมัคร 8 นาฬิกา 30 นาที ซึ่ง นายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดทางให้ นายแพทย์ วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ เป็นผู้จับสลากเป็นคนแรก และได้หมายเลข 2 ทำให้ นายอภิสิทธิ์ ได้หมายเลข 1 ในการลงสมัครหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ครั้งนี้ ส่วนนายอลงกรณ์ พลบุตร อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้หมายเลข 3 เพราะขอหลีกทางไม่จับสลาก เนื่องจากก่อนการลงสมัคร ทั้งนายอภิสิทธิ์ และนายแพทย์ วรงค์ ได้โอนอดีตส.ส.เพื่อรับรองการลงสมัครครบ 20 คน ตามข้อบังคับกำหนดให้ถือว่าเป็นบรรยากาศที่ดีต่อกันทีเดียว และการรับสมัครผู้ลงสมัครหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะเปิดเพียงแค่วันนี้วันเดียว จนถึงเวลา 16.30 นาที เบื้องต้นมีผู้สมัครเพียง 3 คน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยืนยันว่า หลังเลือกตั้งพรรคประชาธิปัตย์ จะไม่ถูกลากไปอยู่กับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ไม่ว่าจะเผด็จการ หรือจับขั้วกับฝ่ายทักษิณ เพื่อต่อต้านเผด็จการ ไม่มีเหตุผลที่จะต้องเลือกอยู่ฝ่ายใด เพราะพรรคประชาธิปัตย์ไม่ใช่ตัวเลือกแต่จะเป็นพรรคที่นำเสนอสิ่งที่แตกต่าง
ด้านนายแพทย์ วรงค์ มั่นใจว่าจะเดินสายเก็บคะแนนพบสมาชิกพรรคทั่วประเทศให้ครอบคลุมทั้งประเทศ และไปตามกลุ่มอาชีพต่างๆ เพื่อให้รู้จักมากที่สุด และการต่อสู้ครั้งนี้ก็เพื่อพรรค แต่เป็นบรรยากาศแบบพี่น้องประนีประนอม
เมื่อถามว่ามั่นใจจะชนะการหยั่งเสียงแค่ไหน นายแพทย์วรงค์ บอกว่า ตนเองมีลางสังหรณ์ เพราะเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ตอนลงพื้นที่ จังหวัดอุบลราชธานี พระครู อมร ธรรมสโรช วัดพระธาตุหนองบัว ทักว่ามีโอกาสชนะการหยั่งเสียง และ พระครูได้มอบเบี้ยแก้ให้พร้อมบอกว่าให้คล้องติดตัวไว้จนถึงวันที่ 5 พฤศจิกายน ซึ่งเป็นวันจันทร์ ตรงกับวันเกิดของตนเองก็จะทำให้ได้รับชัยชนะ และช่วงนี้มีคนดูดวง ก็ทักว่ามีโอกาสเป็นหัวหน้าพรรค ทั้งนี้ ยอมรับตัวเองเป็นมวยรอง จึงต้องขยันให้มากกว่าคู่แข่ง พร้อมต่อสู้ทุกรูปแบบ รวมถึงต้องพึ่งพาของขลังด้วย
ส่วนนายอลงกรณ์ พลบุตร ผู้ลงสมัครชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคหมายเลข 3 กล่าวว่า หากได้เป็นหัวหน้าพรรคมีแนวทางที่ชัดเจนว่า จะไม่รับนายกรัฐมนตรีคนนอก เพราะมองว่านายกรัฐมนตรีคนนอก เป็นฉนวนวิกฤติที่ร้ายแรงของประเทศ การสมัครชิงหัวหน้าพรรคเพื่อฟื้นฟูพรรคให้เป็นที่น่าเชื่อถือของประชาชน ขจัดทุนสามานย์ แม้ว่าตนเองจะขาดคุณสมบัติการลงสมัคร ส.ส.แต่มีสิทธิ์เป็นรัฐมนตรี หรือนายกรัฐมนตรีได้
สำหรับการเลือกหัวหน้าพรรค นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ทำหน้าที่แทนหัวหน้าพรรค กล่าวว่า หลังจากหมดเวลาการสมัคร ผู้สมัครทั้งหมดจะได้หารือกันเพื่อส่งตัวแทนมาตั้งคณะทำงานดูแลการหยั่งเสียงเลือกตั้งหัวหน้าพรรคหรือที่เรียกว่า “กกต. พรรค” ทำหน้าที่ดูแลการหยั่งเสียงและรายงานผลการหยั่งเสียง หลังวันที่ 5 พ.ย.ให้กับคณะกรรมการบริหารพรรครับทราบ
ผู้มีสิทธิ์ในการหยั่งเสียง มี 3 กลุ่ม คือ 1.สมาชิกปัจจุบันแปดหมื่นกว่าคน 2. สมาชิกใหม่ที่สมัครภายในวันที่ 15 ตุลาคมและ 3. สมาชิกเดิม 2.5 ล้านคน ก่อนจะมีคำสั่งประกาศคสช.ที่ 53/2560 ให้มายืนยันความเป็นสมาชิกพรรค
ส่วนวิธีการลงคะแนนหยั่งเสียง 2 วิธีคือ1. ลงคะแนนผ่านแอพพลิเคชั่น 1-5 พ.ย. และ 2 ลงคะแนนผ่านหน่วยเลือกตั้งที่พรรคจัดไว้ให้อย่างน้อย 1 หน่วยต่อ 1 จังหวัดทั่วประเทศในวันที่ 5 พ.ย. ก่อนที่จะจัดประชุมใหญ่เพื่อเลือกตั้งหัวหน้าและกรรมการบริหารพรรคใหม่จำนวน 41 คนในวันที่ 11 พฤศจิกายน