กลับมาอีกครั้งตามคำเรียกร้องกับรายการใหม่ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม หรือเรียกกันง่ายๆว่า นายกรัฐมนตรีพบประชาชน ที่ถูกนำมาปรับโฉมปัดฝุ่นใหม่เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกสมัย ตามระบอบประชาธิปไตยที่ถูกต้อง ภายใต้ชื่อ “Government Weekly EP.7” ผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊กไทยคู่ฟ้า
ครั้งนี้เรียกได้ว่าเปลี่ยนแพลตฟอร์มออกอากาศใหม่ หลังจากก่อนหน้านี้เจอกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากประชาชนว่า การที่นายกรัฐมนตรี โดยการใช้ช่องทางช่วงเย็นหลังเคารพธงชาติผ่านสถานีโทรทัศน์นั้น เหมือนเป็นการบังคับประชาชนให้ดู และยังเป็นการตัดช่องทางโฆษณา รายการ และละครต่างๆ ที่แต่ละสถานีโทรทัศน์ต้องออกกาศตามเวลาปกติด้วย
แต่ช่วงนั้นเป็นรัฐบาลที่มาจากรัฐประหาร พูดไปก็คงทำอะไรไม่ได้มากนัก ประกอบกับนายกรัฐมนตรีก็พูดอยู่เสมอในเรื่องนี้ว่า ต้องการให้ประชาชนเข้าใจการทำงานของรัฐบาล ดังนั้นการปรับเปลี่ยนช่องการการถึงเข้าประชาชนของรัฐบาลจึงเกิดขึ้น และไม่พลิกโผซักเท่าไหร่ที่จะใช้ช่องทางโซเชียลมีเดียนี้ เพราะเป็นช่องทางที่ง่ายไม่มีค่าใช้จ่าย และไม่เป็นการบังคับประชาชนมากนัก แถมยังตีตลาดกลุ่มเยาวชนคนรุ่นใหม่ได้อีกทางหนึ่ง
ส่วนจากนี้จะจีรังยั่งยืนเหมือนกับเน็ตไอดอลที่มีคนติดตามทุกๆคลิปหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่รูปแบบการนำเสนอ หากใช้รูปแบบเดิมเหมือนรายการคืนความสุขให้คนในชาติแรกๆอาจจะรุ่ง แต่พอทำไปนานๆเข้าก็เงียบได้เหมือนกัน
ไม่ใช่สักแต่ว่าเอาข้อมูลดิบๆมาโยนให้ประชาชนเท่านั้น คนเขาไม่เข้าใจกันหรอก มันต้องมีรูปแบบที่เข้าใจง่าย ภาษาชาวบ้าน ส่วนศัพท์ทางการราชการไม่ต้องมีเลย ขนาดทุกวันนี้นโยบาย ช้อป ชิม ใช้ 1,000 บาท ตาสียายสา ยังลงทะเบียนไม่เป็นเลย นับประสาอะไรกับโซเชียลมีเดีย ถ้าทำไม่เป็นก็จบ
คิดจะตีตลาดกลุ่มวัยรุ่นคนรุ่นใหม่ด้วยช่องทางนี้ อย่าลืมว่าฐานเสียงกลุ่มนี้ส่วนใหญ่เป็นของพรรคอนาคตใหม่ ที่เขาเดินเวย์นี้มาก่อนแล้ว คิดจะโค่นจะยาก แต่หากคิดจะชี้แจงแก้ต่างละประเด็นก็พอฟัดพอเหวี่ยงอยู่บ้าง
เมื่อไบร์ทออนไลน์ลองดูสถิติความเคลื่อนไหวจากเฟซบุ๊กไลฟ์เมื่อ 15.00 น. จนมาไล่มาถึงเวลา 19.00 น. พบว่า มีผู้เข้าชมถึงกว่า 600,000 คน มีการแสดงความคิดเห็นทั้งชื่นชมและตำหนิ 87,000 ข้อความ และได้แชร์ไปทั้งสิ้น 15,000 ครั้ง
โดยการแสดงความรู้สึกผ่านการกดปุ่มแสดงอารมณ์ทั้งหมดกว่า 62,400 ครั้ง แบ่งเป็น
กดปุ่มโกรธมากที่สุดกว่า 48,000 ครั้ง
กดปุ่มหัวเราะกว่า 5,500 ครั้ง
กดปุ่มถูกใจกว่า 4,000 ครั้ง
กดปุ่มรักกว่า 2,400 ครั้ง
กดปุ่มเศร้า 1,000 ครั้ง
และกดปุ่มประหลาดใจ (Wow) 662 ครั้ง
จากตัวเลขข้างต้นเห็นได้ว่ายอดผู้ชมมากอยู่พอสมควร แต่เมื่อเปรียบเทียบกับการกดปุ่มแสดงอารมณ์ที่ส่วนใหญ่แสดงอารมณ์โกรธแล้ว คิดว่าจะตีตลาดคนกลุ่มนี้ยังเป็นเรื่องที่ยากอยู่พอสมควร
หวังว่านายกรัฐมนตรี จะเดินเวย์นี้อย่างสง่างาม และหาหนทางตัวเองให้เจอ อย่าไปทับไลน์ใครเข้า คิดจะสู้อย่าสู้ในเวย์เดียวกัน แต่คิดเวย์ที่แตกต่าง และไม่สร้างความแตกแยก นั่นคือเส้นทางที่ควรจะเป็นของรัฐบาล