6 พรรคการเมืองโชว์วิสัยทัศน์ “อนาคตประเทศไทย…หลังการเลือกตั้ง” ปชป.ชูแก้เหลื่อมล้ำ-แก้เศรษฐกิจ “เพื่อไทย”หนุนพรรคการเมืองพัฒนา สกัดวงจรรัฐประหาร “ธนาธร” จี้ล้มระบบทุนผูดขาดประเทศ
วันที่ 16 พ.ย. เวลา 09.30 น. ที่ห้องประชุม อาคาร 4 ชั้น 9 คณะสังคมศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ ภาควิชารัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ จัดสัมมนาวิชาการ หัวข้อ “อนาคตประเทศไทย…หลังการเลือกตั้ง วิสัยทัศน์และทิศทางนโยบาย” โดยมีตัวแทน 7 พรรคการเมืองเข้าร่วม ประกอบด้วย 1.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ 2.คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์เลือกตั้งพรรคเพื่อไทย 3.นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหนาพรรคอนาคตใหม่ 4.นายไพบูลย์ นิติตะวัน หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป 5.นายภราดร ปริศนานันทกุล ว่าที่ผู้สมัครส.ส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย และ 6.นายจักษ์ พันธุ์ชูเพชร ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย โดยมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมหลายร้อยคน
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทุกคนกำลังรอคอยการเลือกตั้งในวันที่ 24 ก.พ.2562 จะเกิดขึ้นหรือไม่ การจัดการเลือกตั้งนั้นเพื่อให้ประชาชนกำหนดอนาคตองประเทศได้ โดยต้องมีตัวตั้งไปที่สภาพปัญหาของประเทศ ตั้งแต่การเมือง เศรษฐกิจสังคม การศึกษา สาธารณสุข การทุจริตคอรัปชั่น การกระจายอำนาจ ซึ่งเป็นตัวตั้งที่ประชาธิปัตย์จะแก้ปัญหาเหล่านี้ ที่สำคัญต้องแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์สามารถทำได้เพราะไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน รวมถีงการเดินหน้าสังคมสวัสดิการให้ครอบคลุมคนทุกกลุ่ม ทั้งหมดจะทำไม่ได้เลนถ้าไม่กสรกระจายอำนาจ โดยจะให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด
“วันนี้พิสูจน์แล้วว่าการเมืองที่ไม่ใช่ประชาธิปไตย ไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ หรือถ้าการเมืองที่มาจาการเลือกตั้ง หากใช้อำนาจโดยมิชอบจะเกิดความขัดแย้ง และความสูญเสียประชาธิปไตย ดงนั้นประชาธิปปัตย์จะเป็นแสงสว่างให้ประเทศ ให้ประเทศหลุดพ้นจากวงจรนี้”นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายไพบูลย์ กล่าวว่า ต้องให้ประชาชนปฏิรูป เพื่อให้อนาคตประเทศมั่งคงยั่งยืน ถ้าทุกคนยังนั่งเพิกเฉยก็ไม่มีทางผลักดันประเทศไทยได้ พรรคจะเป็นจุดเริ่มต้นแห่งการเปลี่ยนแปลงพรรคการเมือง โดยเป็นพรรคระบบใหม่จะไม่ไปแข่งขันเรื่องทุกเลขหรือขนาดของพรรคการเมือง โดยพรรคจะเป็นเครื่องมือให้ประชาชนทุกจังหวัด ผ่านกลไกสภาประชาชนปฏิรูปทุกจังหวัดให้ประชาชนมีบทบาทโดยตรง ไม่ใช่การมีส่วนร่วมเท่านั้น เพื่อให้ประชาชนได้ตรวจสอบถ่วงดุลพรรคการเมืองได้ โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาความทุกข์ร้อนจะหวังภาครัฐอย่าเดียวไม่ได้ ต้องให้ประชาชนเข้มแข็งเพื่อต่อรองอำนาจรัฐ ให้พรรคเป็นองค์กรสาธารณประโยชน์ ทั้งหมดเป็นวิสัยทัศน์หลักที่พรรคจะดำเนินการเพื่อเป็นตัวอย่างให้พรรคการเมืองอื่น
ด้านคุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยเชื่อในศักยภาพคนไทยไม่ว่าจะตัวเล็กแค่ไหนจะเป็นเกษตรกร จะเป็นนักศึกษา จะเป็นผู้ประกอบการหน้าใหม่ พรรคจึงเน้นให้คนเป็นศูนย์กลางโดยมีสโลแกนหัวใจคือประชาชน เพื่อหานโยบายโดยจะกระจายโอกาสและเม็ดเงินไปที่ประชาชน ตั้งแต่กองทุนหมู่บ้าน จึงเป็นหลักคิดของเพื่อไทยเพื่อเชื่อมโยงประชาชน โดยเริ่มต้นจากการพัฒนาคน สิ่งสำคัญทุกโอกาสที่มีพรรคเพื่อไทยจะสนับสนุนจากสิ่งที่ขวางกั้นการทำธุรกิจ อาทิ เรื่อกฎหมายจะถูกขจัดไป วันนี้จากการเดินไปพบประชาชนจะพบปัญหาเศรษฐกิจอย่างมากจากกำลังซื้อที่หายไป ดังนั้นจต้องใช้เทคโนโลยีไปเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่มีโอกาสทำมาหากินได้
ขณะที่นายจักษ์ กล่าวว่า การเมืองอยู่ในวงจรอุบาทว์ มีนักธุรกิจเข้าไปทุจริต ประชานสิ้นหวังการตรวจสอบทางสภา จนเกิดการเมืองบนถนน และมีทหารมาสร้างความชอบธรรมการรัฐประหาร จากนั้นมีการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นวังวนนี้มากว่า 50 ปีแล้ว ถ้าเรายังย้ำแบบเดิม ยังมีแบบเดิม สุดท้ายก็กลับไปมีรัฐประหารแบบเดิม ที่ผ่านมาเสียงของประชาชนไม่เข้าไปถึงผู้มีอำนาจในสภา เพราะพรรคการเมืองมีเจ้าของเหมือนบริษัท จึงต้องสร้างพรรคการเมืองของประชาชนอย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่สมาชิกเลือกหัวหน้าพรรคเท่านั้น แต่ยังให้สมาชิกพรรคยังเลือกกรรมการบริหารพรรคทุกตำหน่ง โดยกำหนดให้หัวหน้าพรรคเป็นได้แค่ 2 ปี ทั้งนี้ อยากให้ทุกพรรคเปลี่ยนแปลงเพื่อให้การเมืองดีขึ้น ส่วนพรรคการเมืองอื่นอย่ามาเรียกร้องประชาธิปไตย ถ้ายังมีประชาธิปไตยในพรรคไม่ได้ ยืนยันพรรครวมพลังประชาชาติไทยจะทำไพรมารีโหวตทุกเขต
นายธนาธร กล่าวว่า ทุกพรรคการเมืองขณะนี้มีนโยบายแทบจะเหมือนกัน อาทิ การกระจายอำนาจ ปฏิรูปการศึกษา การใช้เทคโนโลยี ไม่เอาเกรฑ์ทหาร การพัฒนาระบบคมนาคม ส่วนพรรคอนาคตใหม่คิดต่างตรงที่ช่วงเวลานี้ไมใช่ช่วงเวลาตลาดนโยบาย เพราะปัญหาของประเทศใหญ่กว่านั้นถ้าไม่เปลี่ยนแปลงโครงสร้างที่กดทับประเทศ เราจะเดินไปข้างหน้าไม่ได้เลย จึงต้องจัดการปัญหาที่ต้นตอ จากการแทรกแซงทางการเมืองของทหารเป็นปัญหาใหญ่มาก โดยมีกลุ่มทุนผูกขาดทางเศรษฐกิจที่เดินไปคูโครงสร้างทหาร อาทิ ภาคการเกษตร มีการพูดครัวไทยสู่ครัวโลกจากศักยภาพของประเทศ แต่นโยบายนี้ก็ยังไม่เห็นชาวนารวยขึ้นจากนโยบายนี้ เพราะมีการผูกขาดตั้งแต่ที่ดินทำกิน เหมือนภาษีของรัฐคือกำไลของกลุ่มทุน นอกจากนี้ ประเทศไทยเข้าถึงแหล่งทุนยากที่สุดในโลก ธนาคารทั้งประเทศถูกผูกขาดในกรุงเทพฯ โดยทุนผูดขาดได้สนับสนุนรัฐประหาร นอนเตียงเดียวกันมาตลอด เป็นโครงสร้างที่กดทับประเทศไทยอยู่ตอนนี้
ส่วนนายภราดร กล่าวว่า 10 ปีมานี้ชนชั้นนำยังมาวุ่นวายกับการเมือง ส่วนชนชั้นล่างไม่มีเงินในกระเป๋ามาจ่ายค่าเทอมให้ลูก ขณะนี้ประชาชนไม่มีจะกินแล้ว แต่ได้ย้อนแย้งกับที่ฝ่ายผู้มำอำนาจบอกว่าเศรษฐกิจเติบโต เพราะไม่มีการกระจายรายได้ยังถูกกระจุกตัวที่คนรวย คนชนบทยังมีความยากจนอยู่ มาจากความเหลื่อมล้ำในสังคมจากกฎหมายในบ้านเมืองว่ากฎหมายไม่เป็นธรรม โดยเอื้อให้กับกลุ่มทุนกลุ่มใหญ่เท่านั้น เราจะปล่อยให้ความเหลื่อมล้ำเกิดขึ้นไม่ได้ พรรคภูมิใจไทยพยายามแก้ไปัญหานี้ โดยมีสโลแกนลดอำนาจรัฐเพิ่มอำนาจประชาชนพรรคจะฟังและทำมากกว่าพูด จะสร้างสังคมแห่งการแบ่งปันและส่งเสริมให้คนไทยเท่ากัน เท่าทันและเท่าเทียม
จากนั้นเข้าสู่ช่วงการตอบคำถามของแต่ละพรรคโดยการสุ่มเลือก โดยนายจักษ์ ได้ตอบคำถามประเทศไทยจะได้เลือกตั้ง 3 สมัยติดต่อกันหรือไม่ ว่า ถ้ามีพรรคของประชาชนได้จริงๆ โอกาสจะเกิดการรัฐประหารน้อยลง ถามว่ารัฐประหารจะหายหรือไม่ ถ้านัการเมืองยังไม่ปฏิรูป ทหารก็ยังใช้เป็นข้ออ้างการรัฐประหารได้ เงื่อนไขจึงอยู่ที่พรรคการเมือง และนักการเมืองจะซื้อสัตย์ต่อประเทศชาติแค่ไหน
ด้านภราดร ได้ตอบคำถามว่า ทิศทางการพัฒนาการเมืองให้คนรุ่นใหม่ได้ประโยชน์มากที่สุดว่า ทิศทางการเมืองและการพัฒนาไม่ได้เฉพาะจงเจาในคนกลุ่มไหน เพราะการเมืองเป็นของทุกคน ทุกพรรคการเมืองต้องรับฟังความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ เพื่อนำประมวลแล้วทำเป็นนโยบายได้ ขณะที่คุณหญิงสุดารัตน์ ตอบคำถาม พรรคมีวิสัยทัศน์ต่อระบอบประชาธิปไตยอย่างไรว่า ประเทศไทยมีเลือกตั้ง ได้นักการเมองมาทำงาน ทหารปฏิวัติ ทั้งหมดเรื่องการแย่งอำนาจจากตัวแทนประชาชน กับรัฐราชการนำโดยทหาร การปฏิวัติแต่ละครั้งยุติการพัฒนาประชาธิปไตยเป็นช่วงๆ ไม่เคยปล่อยให้ประชาธิปไตยล้มลุกคลุกคลาดแล้วหัดเดินด้วยตัวเอง แต่กลับมีคนที่บอกว่ามีคนมาทำรัฐประหาร ดังนั้นการหยุดรัฐประหารเป็นหน้าที่พรรคการเมืองต้องพัฒนาตัวเองและปกป้องประชาธิปไตยให้มีการพัฒนา เพื่อให้หลุดพ้นจากวงจรอุบาทว์ของการรัฐประหาร
ด้านนายธนาธร ตอบคำถามถ้าพรรคของท่านได้เป็นรัฐบาลจะพัฒนาอะไรอะไรเป็นอย่างแรก ว่า กล่าวว่า อยากพัฒนารถฟจากที่พรรควิจัยมาแล้พบว่านต่างจังหวัดไม่มีงานที่มีความสามารถจะจ่ายเงินดือน โดการการเกิดงาน จ้างงาน ต้องสร้งอุตสาหกรรมใหม่ขึ้นมา โดยสอดคล้องกับารพัฒนาประเทสไทย โดยใช้ระบบรางเป้นหลัก โดยใช้ที่ดินน้อยลง ช้พลังกงานน้อยลง เพราะรถนต์เกิดความไม่เทาเทียม ทั้งที่การคมนาคมจะเข้าถึงอกาสทางเศรษฐกิจ ถ้าพรรคได้เป็นรัฐบาลจะนำรถไฟไปภาคอีรสานเพื่อให้คนมีงาน โดยเราจะผลิตรถไฟด้ยตัวเอง ด้วยจะมีเงินหมุนเวียน 4.5 แสนล้านบาท
