“เพื่อไทย” ร่อนแถลงการณ์ จี้กกต.สุจริต-เป็นธรรม หลังคสช.เบรคประกาศแบ่งเขตเลือกตั้ง
วันที่ 23 พ.ย. พรรคเพื่อไทยออกแถลงการณ์ ว่าตามที่หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ออกคำสั่งที่ 16/2561 เมื่อวันที่ 16 พ.ย.2561 เปิดให้มีการยื่นข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการแบ่งเขตเลือกตั้งต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)และ คสช. และรัฐบาลได้ให้อำนาจ กกต.จะเปลี่ยนแปลงการแบ่งเขตเลือกตั้งได้โดยกรณีจำเป็นก็ไม่จำต้องดำเนินการตามกฎหมาย ระเบียบ ประกาศ หรือมติใดๆ ของ กกต.ที่ออกไว้ได้ โดยถือว่าการกระทำดังกล่าวชอบด้วยกฎหมายและชอบด้วยรัฐธรรมนูญและเป็นที่สุด พร้อมทั้งขยายเวลาแบ่งเขตของ กกต. ไปจนถึงวันที่ 10 ธ.ค.2561
พรรคเพื่อไทยเห็นว่าการออกคำสั่งหัวหน้า คสช. มีนัยทางการเมืองและไม่ชอบด้วยหลักการทางกฎหมายหลายประการ ดังนี้ 1.เมื่อ กกต.เป็นผู้มีอำนาจตามกฎหมายในการแบ่งเขตเลือกตั้ง และหลักเกณฑ์วิธีการในการแบ่งเขต กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 27 ก็ได้กำหนดไว้ชัดเจน ซึ่งกกต.ก็ได้ออกระเบียบว่าด้วยการแบ่งเขต และมีการดำเนินการตามระเบียบดังกล่าว ด้วยการกำหนดรูปแบบการแบ่งเขต 3 รูปแบบของแต่ละจังหวัด และให้ประชาชนได้แสดงความคิดเห็นจนเสร็จสิ้นกระบวนการแล้ว และทุกจังหวัดก็ได้ส่งข้อมูลดังกล่าวให้ กกต. จนกระทั่ง กกต.เตรียมทประกาศการแบ่งเขตเลือกตั้งแล้ว แต่คสช.ได้ออกคำสั่งดังกล่าว โดยที่มิได้มีการร้องขอจากฝ่ายใดและไม่มีเหตุผลความจำเป็นใดที่ต้องใช้มาตรา 44 ดำเนินการจึงขอตั้งข้อสังเกตว่าการออกคำสั่งนี้มีนัยทางการเมืองแอบแฝง และถือเป็นการแทรกแซงก้าวก่ายการปฏิบัติหน้าที่ของ กกต.
2.การแบ่งเขตเลือกตั้ง 3 รูปแบบ ที่ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นของประชาชน เป็นการดำเนินการตามหลักเกณฑ์วิธีการตามที่มาตรา 27 ของกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.กำหนดไว้ โดยกำหนดให้รวมอำเภอต่างๆ เป็นเขตเลือกตั้ง และให้พิจารณาการเคยอยู่ในเขตเลือกตั้งเดียวกันมาก่อนเป็นสำคัญด้วย เว้นแต่การรวมอำเภอในลักษณะดังกล่าวจะทำให้จำนวนราษฎรมากหรือน้อยไปก็ให้แยกตำบลของอำเภอออกไปเพื่อให้จำนวนราษฎรพอเพียงสำหรับการเป็นเขตเลือกตั้งเท่านั้น แต่การออกคำสั่งให้ กกต.เปลี่ยนแปลงการแบ่งเขตเลือกตั้งได้โดยไม่ต้องทำตามกฎหมาย และระเบียบที่ออกไปก็ได้นั้น เป็นการส่งสัญญานให้ กกต.ทำผิดกฎหมายได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงกฎหมาย ระเบียบ และความคิดเห็นของประชาชนจำนวนนับหมื่นของแต่ละจังหวัดที่เสนอความเห็น ต่อการแบ่งเขตเลือกตั้ง และยังไปรับรองว่าการกระทำดังกล่าวของ กกต.ให้ชอบด้วยรัฐธรรมนูญและชอบด้วยกฎหมาย ถือเป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับได้
3.เนื่องจากมีหัวหน้าพรรคและผู้บริหารพรรคการเมืองดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาลถึงสี่คน และรัฐบาลกับ คสช.อยู่องคาพยพเดียวกัน ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีคนหนึ่งได้กล่าวยอมรับว่ารัฐบาลและ คสช. เป็นพวกเดียวกัน ดังนั้นการออกคำสั่งนี้อาจถูกมองว่าเป็นการเอื้อประโยชน์สำหรับผู้สมัครของพรรคการเมืองในซีกรัฐบาลเพื่อชิงความได้เปรียบในการเลือกตั้งได้
4.กกต.เป็นองค์กรอิสระต้องมีความเป็นกลางทางการเมืองและมีความกล้าหาญ ต้องยึดกฎหมายและความเป็นธรรมเป็นหลักในการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ควรโอนอ่อนผ่อนตามไปตามความเห็นของบุคคล หรือกลุ่มบุคคลใด โดยไม่คำนึงถึงกฎหมายและระเบียบที่ตัวเองกำหนดขึ้น และโดยไม่ฟังเสียงของประชาชนในเขตพื้นที่ การแบ่งเขตเลือกตั้งเป็นต้นธารของการเลือกตั้ง หากการแบ่งเขตเลือกตั้งเป็นไปโดยไม่สุจริตและเที่ยงธรรมตั้งแต่ต้น ย่อมส่งผลทำให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยไม่สุจริตและเที่ยงธรรมได้
พรรคเพื่อไทยจึงขอเรียกร้องและให้กำลังใจต่อ กกต.โดยขอให้การปฏิบัติหน้าที่ของ กกต.เป็นไปอย่างตรงไปตรงมา ยึดกฎหมายเป็นหลัก แม้จะได้อำนาจมาให้กระทำการที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายได้ ไม่ควรที่จะกระทำรูปแบบการเลือกตั้งที่เปลี่ยนแปลง โดยไม่เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบ โดยไม่ฟังเสียงประชาชนนั้นไม่ควรที่จะเกิดขึ้นโดยเด็ดขาด