ศาลจังหวัดพัทยา นัดแกนนำ นปช. ที่เหลืออีก 11 คน มาฟังคำพิพากษาในคดีบุกล้มการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน เมื่อปี 2552
เมื่อวันที่ 31 ต.ค. เวลา 09.00 น. ศาลจังหวัดพัทยา ได้นัดแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่เหลืออีก 11 คน มาฟังคำพิพากษาในคดีบุกล้มการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนกับประเทศคู่เจรจาที่ไทยเป็นเจ้าภาพเมื่อปี 2552 ซึ่งจัดขึ้นที่โรงแรมรอยัล คลิฟ บีช รีสอร์ท เมืองพัทยา ในข้อหาร่วมกันขัดขืนคำสั่งเจ้าพนักงานที่ไม่ให้มีการชุมนุมเกินกว่า 10 คนขึ้นไป และผิด พ.ร.บ.จราจร พ.ศ.2522
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 11 ก.ย.ที่ผ่านมา ศาลได้อ่านคำพิพากษา ตัดสินจำคุกจำเลย 12 คน เป็นเวลา 4 ปี โดยไม่รอลงอาญา และยกฟ้องนายสมยศ พรหมมา เนื่องจากศาลเห็นว่าเป็นเพียงผู้ร่วมชุมนุม และไม่ใช่แกนนำ โดยในวันนั้นมีเพียงนายศักดา นพสิทธิ์ จำเลยที่ 10 เดินทางมาศาลตามหมายเรียกเพียงคนเดียว ส่วนจำเลยอื่น แจ้งมีอาการป่วย ไม่ได้รับหมายเรียกและได้รับหมายเรียกแล้วไม่มาศาล ทำให้ศาลออกหมายเรียกอีกครั้งเพื่อให้มาฟังคำพิพากษาในวันนี้ตามเวลาดังกล่าว
สำหรับจำเลยคนอื่นๆที่ต้องเดินทางมาฟังคำพิพากษา ประกอบด้วย 1.นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง 2.นายนิสิต สินธุไพร 3. นายพายัพ ปั้นเกตุ 4.นายวรชัย เหมะ 5. นายวันชนะ หรือธนกฤต เกิดดี 6.นายพิเชฐ สุขจินดาทอง 7. พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภารัตน์ 8. นายนพพร นาม เชียงใต้ 9.นายสำเริง ประจำเรือ 10. นพ.วัลลภ ยังตรง และ11.นายสิงห์ทอง บัวชุม
โดยก่อนหน้านี้มีจำเลย 4 คน มอบตัว ได้เข้ามอบตัวต่อศาลจังหวัดพัทยา ประกอบด้วย นายพายัพ ปั้นเกตุ, นายพิเชฐ สุขจินดาทอง, นายสิงห์ทอง บัวชุม และนายนพพร นามเชียงใต้ ทั้งนี้ มีรายงานว่า แกนนำนปช.ส่วนใหญ่ อาทิ พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภารัตน์ ส.ส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายสำเริง ประจำเรือ นายวรชัย เหมะ จะเดินทางมาฟังคำพิพากษา
ส่วนนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง นพ.วัลลภ ยังตรง นายวันชนะ เกิดดี หลังจากศาลอ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่ 30 ก.ย. ก็ไม่สามารถติดต่อสื่อสารได้อีกเลย แม้แต่เพื่อนสนิทก็ไม่มีการติดต่อ จึงต้องจับตาว่าจะมาฟังคำพิพากษาในเช้าวันนี้หรือไม่
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเช้าของวันนี้ทางนายจตุพร พรหมพันธ์ แกนนำนปช.ได้เดินทางมายังศาลจังหวัดพัทยา พร้อมกับคนเสื้อแดงประมาณ 20 คน เพื่อให้กำลังใจบรรดาแกนนำ โดยนายจตุพร กล่าวว่า วันนี้ได้เดินทางมาให้กำลังใจกับแกนนำทั้งหมด ซึ่งหวังว่าศาลจะให้ความเมตตา และยุติธรรม