‘สันติ’ ชี้ เงื่อนไขรัฐประหาร คือ “นักการเมือง” ซัด ตั้ง กมธ.ต้านรัฐประหาร แค่สนองตัณหาของ ‘คนบางกลุ่ม’

กมธ.ต้านรัฐประหาร | นายสันติ กีระนันทน์ ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊กโดยระบุว่า “เช้านี้ตื่นลืมตาขึ้นมา ก็ทำโน่นนี่นั่นและคว้าโทรศัพท์มือถือที่ charge ไว้นอกห้องนอนขึ้นมาดูเพื่อตรวจสอบว่ามีใครติดต่ออะไรมาหรือไม่ ซึ่งก็ทำเป็นกิจวัตรทุกวันก็เหมือนทุกวันที่จะมี message ใน social network สารพัด

ซึ่งปรกติแล้ว ผมใช้ FB และ line เป็นหลัก แต่ก็มี twitter และ IG เอาไว้ส่อง … และแน่นอนว่า ทุกวันก็จะมีข้อความต่าง ๆ ในทุกสื่อให้อ่าน เช้าวันนี้ก็เช่นกัน แต่มาสะดุดความรู้สึกมากจนต้องมา post ข้อความนี้แต่เช้า เพราะมีข้อความใน twitter ทีทำให้ผมรู้สึกไม่ดีตั้งแต่ตอนเช้า
เมื่อวานนี้ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีการลงมติไม่ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาการต่อต้านรัฐประหาร โดยในที่สุด เสียงส่วนใหญ่ของสภาฯ ก็มีมติไม่ตั้งคณะกรรมาธิการคณะดังกล่าว และทำให้มีพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง (ผมไม่อยากเอ่ยชื่อพรรค เพราะไม่อยากทำให้พื้นที่ของผมเป็นพื้นที่การเมืองไปโดยไม่จำเป็น) นำเรื่องนี้มาเล่นอย่างครึกโครม โดยเล่นเป็นประเด็นว่า ผู้แทนที่ได้รับการเลือกตั้งเข้ามาทำตามคำสั่งทหารในการไม่ให้ตั้งคณะกรรมาธิการคณะดังกล่าว
ผมรู้สึกว่า นี่เป็นการสร้างกระแสที่ไร้สาระอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งที่จริงผมก็ทราบว่า ใน twitter นั้น มีการปั่นกระแสความแตกแยกสร้างความเกลียดชังกันอย่างมากมาย โดยที่ในใจลึก ๆ ของผมนั้น รู้สึกอยู่เสมอว่า นี่เป็นประโยชน์อะไรต่อประเทศไทย หรือเป็นเพียงความต้องการอำนาจจากความเปลี่ยนแปลงของคนบางกลุ่มเท่านั้น ทั้งยังเป็นกลุ่มคนที่โดยส่วนตัวแล้ว ผมรู้สึกถึงความไม่น่าไว้วางใจในแนวคิดหลากหลาย รวมทั้งวิธีการทำงาน ความสามารถ ที่ผมเห็นด้วยตาของตัวเองมาโดยตลอดในการทำงานในสภาผู้แทนราษฎรระยะหนึ่ง
ผมนิยามตัวเองเสมอว่า ผมเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แต่ผมไม่ใช่นักการเมือง เพราะผมทำงานการเมืองเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติเท่านั้น แต่ผมไม่ได้เล่นการเมืองเพราะหวังอำนาจ หรือประโยชน์แอบแฝงอื่นใด ซึ่งการนิยามเช่นนี้ เป็นการนิยามส่วนตัวของผม เพราะเป็นการนิยามที่ดูจะเป็นอุดมคติเป็นอย่างมาก และไม่มีน้ำหนักในการใช้โฆษณาตัวเองแต่ประการใด
กลับมาเรื่องที่ทำให้ต้องมา post ข้อความนี้ค่อนข้างยืดยาวก็คือ ผมเป็นหนึ่งเสียงในการลงมติไม่ตั้งคณะกรรมาธิการดังกล่าว เพราะผมผ่านโลกนี้มาเกือบ 60 ปีแล้ว ผมผ่านรัฐประหารมามากกว่าผู้ที่แสดงความไม่พอใจและแสดงออกใน twitter และแม้กระทั่งผู้ที่อภิปรายในสภาฯ ในเรื่องนี้หลายคนครับ … ไม่ใช่ว่าผมจะเห็นด้วยกับการทำรัฐประหารทุกครั้ง (ย้ำนะครับ ว่าผมใช้คำว่า “ทุกครั้ง”) แต่ทุกครั้งที่การทำรัฐประหารประสบความสำเร็จ (แปลว่า มีบางครั้งที่การทำรัฐประหารก็ไม่ประสบความสำเร็จ แล้วก็กลายเป็นกบฎ ซึ่งในที่สุดก็นำไปสู่การได้รับโทษสูงสุด คือการประหารชีวิต) ก็ล้วนแล้วแต่มาจากการที่ “เงื่อนไข” ของการนำไปสู่การกระทำ “รัฐประหาร” นั้น เป็นเงื่อนไขที่ถึงพร้อม และมีคนเรียกร้องให้มีการทำ “รัฐประหาร” เพราะ “นักการเมือง” นั่นแหละครับที่ทำให้คนส่วนใหญ่สิ้นหวังและหมดศรัทธากับเขาเหล่านั้น ในขณะที่เขาครองอำนาจการปกครองอยู่
ดังนั้น การที่บ้านเมืองจะเกิดรัฐประหารหรือไม่นั้น มันเป็นเหตุผลที่ชัดเจนในตัวเองอยู่มากแล้ว (ด้วยประสบการณ์ของคนที่อายุใกล้ 60 อย่างผม) ว่า ถ้านักการเมืองหรือผู้ที่ทำงานการเมือง ไม่สร้างเงื่อนไขให้เหตุการณ์ต่าง ๆ สุกงอมและเกิดความสิ้นศรัทธาของประชาชนแล้ว ใครจะออกมาทำรัฐประหารได้ (ซึ่งถ้าจะเลยเถิดไปถึงการปฏิวัติครั้งเดียวในประเทศไทย ผมเกิดไม่ทันเรื่องนี้ แต่หากผมเชื่อตามประวัติศาสตร์ ผมกลับรู้สึกว่า การปฏิวัติครั้งนั้นเสียอีกที่เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ เพราะเป็นการ “ปล้น” พระราชอำนาจที่พระมหากษัตริย์เตรียมที่จะมอบให้กับประชาชน เพื่อเปลี่ยนแปลงการปกครองอยู่แล้ว แต่กลุ่มคนบางกลุ่มที่ “ร้อนวิชา” กลับทนไม่ไหว ถึงกับต้องลุกขึ้น “ปล้น” มาจากพระองค์ และก็ก่อให้เกิดผลอันไม่พึงประสงค์มาถึงทุกวันนี้)
ดังนั้น การที่ผมเป็นหนึ่งเสียงของการลงมติไม่เห็นด้วยกับการการตั้งคณะกรรมาธิการเพื่อศึกษาในเรื่องดังกล่าว เพราะเห็นชัดเจนว่าเป็นการเสียเวลา และเป็นการเปิดโอกาสให้ท่านผู้ร้อนวิชาเหล่านั้น ออกมาหาเรื่องด่า ออกมาปั้นวาทกรรมที่ท่านมีความสามารถเป็นอย่างสูงในการทำเรื่องเช่นนั้น (แต่ขาดความสามารถในการใช้เวลาและความพยายามในการแก้ปัญหาให้กับประชาชน) ออกมาตีกิน และใช้สภาผู้แทนราษฎรในการสื่อข้อความกับกลุ่มชนนอกสภาที่สนับสนุนท่าน และท่านพยายามจะชวนลงท้องถนนอยู่ทุกวัน … ผมอยากจะถามกลับไปชัด ๆ ว่า ท่านต้องการอะไรกันแน่ ท่านต้องการเห็นประเทศไทยพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น หรือท่านต้องการเห็นประเทศไทยเปลี่ยนแปลงไปในวิถีทางที่ท่านต้องการ และท่านเป็นผู้ครองอำนาจ
การตั้งคณะกรรมาธิการที่เกิดประโยชน์กับประชาชนและประเทศไทย เพื่อแก้ไขปัญหาสังคมและเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ของประชาชน เป็นสิ่งที่ผมไม่เคยไม่สนับสนุน แต่การตั้งคณะกรรมาธิการเพื่อสนองตัณหาของคนบางกลุ่มในการใช้เวทีที่มีรูปแบบ “ประชาธิปไตย” เป็นสิ่งที่ผมเองยอมรับไม่ได้ โดยไม่จำเป็นต้องได้รับคำสั่งจากทหาร หรือคำสั่งของใคร … และยิ่งไปกว่านั้น ผมเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมาตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม 2562 ผมยังไม่เคยได้รับเงินโดยมิชอบเป็นค่าลงมติในเรื่องใด ไม่เคยได้รับเงินโดยมิชอบเป็นค่าอภิปรายในเรื่องใด ไม่เคยได้รับเงินโดยมิชอบในการเป็นกรรมาธิการคณะใด ค่าตอบแทนที่ผมได้รับ เป็นค่าตอบแทนรายเดือนที่ได้รับในฐานะเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเท่านั้น … ดังนั้น การที่ผมเห็นข้อความใน twitter เช้านี้ ที่ทำให้ผมต้องลุกขึ้นมา post ข้อความนี้ จึงเป็นเรื่องที่ผมรู้สึก upset ในความตื่นเขินของปัญญาที่ใช้ในการปลุกปั่นสร้างกระแสความเกลียดชังแตกแยกในสังคมไทยอย่างยิ่ง
ย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า ผมหลีกเลี่ยงที่จะใช้พื้นที่ (ส่วนตัว) ของผม เพื่อแสดงความคิดเห็นต่อสาธารณะอย่างนี้ ในเรื่องการเมือง เพราะไม่อยากสร้างความขัดแย้ง ผมมักจะใช้พื้นที่ของ social network เพื่อแสดงความคิดเห็นที่ (คิดว่า) เป็นประโยชน์และอยากชวนให้เพื่อน ๆ บน social network ของผมช่วยกันคิดให้เป็นประโยชน์ต่อไป … แต่ครั้งนี้ ต้องขออภัยที่ทำในสิ่งที่ผิดไปจากความตั้งใจบ้าง เพื่อความเป็นธรรม
ประเทศไทยในขณะนี้ ประสบปัญหารุมเร้าทั้งจากปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอกมากมาย และยังต้องระวังกับความพยายามในการสร้างกระแสเกลียดชัง ปลุกปั่นแตกแยกอย่างนี้อีก สงสารประเทศไทย สงสารประชาชนคนไทย สงสารตัวเองกันบ้างเถิดครับ … ผมยังสะดุดหูกับคำอภิปรายของ สส. วัยเยาว์ท่านหนึ่งที่ท่านได้พูดไว้ว่า
“ผมรู้สึกไม่เป็นธรรม ที่จะต้องได้รับมอบประเทศไทยจากคนรุ่นก่อนหน้าผม โดยที่ท่านได้สร้างปัญหาไว้มากมายให้คนรุ่นผมต้องมาแก้ไข … “
และอื่น ๆ อีกมากมายที่ล้วนแล้วเต็มไปด้วยถ้อยคำที่แสดงความคั่งแค้นของท่านว่า คนรุ่นก่อน (ซึ่งท่านก็คงหมายถึงคนรุ่นผม และคนรุ่นก่อนหน้าผมนั่นแหละ เพราะด้วยวัยของท่านที่เด็กกว่าผมเกือบ 30 ปี) ซึ่งเท่ากับท่านได้ด่ากราดทุกคนที่เกิดก่อนท่านว่าเป็นคนที่สร้างปัญหา … ไม่เป็นไรครับ เพราะหากผมขาดวุฒิภาวะ ผมก็คงตอบท่านกลับไปเหมือนกันว่า
“ผมก็คงไม่สามารถส่งมอบประเทศไทยให้กับท่านได้ หากท่านขาดวุฒิภาวะ ขาดความรู้ ขาดประสบการณ์ อย่างที่ท่านได้แสดงให้ผมเห็น ก็ขอให้รอวันที่ผมตายจากไปก่อน แล้วท่านค่อยได้ประเทศไทยที่ผมรักไปก็แล้วกันครับ”
วันนี้ไม่ใช่ #เพ้อเจ้อรำพึง นะครับ และค่อนข้างผิด concept ของการใช้ FB ของผมด้วยครับ
ปล. สำหรับใครที่ทนอ่านไม่ได้ ก็ไม่เป็นไรนะครับ และสำหรับ post นี้ ผมขอสงวนสิทธิในการลบความเห็นที่ผมเห็นว่าเป็นความเห็นที่ไร้สาระนะครับ … หากจะมีผู้แสดงความคิดเห็นบ้าง”

เฟซ สันติ
เฟซ สันติ
เฟซ สันติ
เฟซ สันติ

ข่าวล่าสุด

ดูทั้งหมด

ผิดแค่ไหน! พ่อค้าร้านขาหมูประกาศหยุดขาย หลังถูกร้องเรียนเสียงดัง

พ่อค้าร้านข้าวประกาศ หยุดขายขาหมู หลังเพื่อนบ้านร้องเรียน สับหมูรบกวนเสียงดัง ล่าสุดเทศบาลนัด 2 ฝ่ายไกล่เกลี่ยพรุ่งนี้

สพฐ. แจงปม ผอ.โรงเรียนหวงเก้าอี้ ที่ร้อยเอ็ด ชี้! ผิดวินัยไม่ร้ายแรง

สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เผยผลสรุป ผอ.โรงเรียนหวงเก้าอี้ พบผิดวินัยไม่ร้ายแรง เตรียมลงดาบทางวินัย แต่ให้โอกาสปรับปรุงตัว

ณเดชน์ ใจวูบ! หลังเห็นกระแสข่าว เลื่อนงานแต่ง พร้อมขอโทษ ญาญ่า

ณเดชน์ คูกิมิยะ ถึงกับใจวูบ! หลังเห็นกระแสข่าว เลื่อนงานแต่ง บานปลายสร้างความเข้าใจผิด พร้อมขอโทษ ญาญ่า อุรัสยา

แชร์สนั่น! “ซีอิ๊วขาวแบบเม็ด” นวัฒกรรมใหม่เด็กสมบูรณ์ พกง่าย ละลายเร็ว

ชาวเน็ตอึ้ง! เด็กสมบูรณ์เปิดตัว “ซีอิ๊วขาวแบบเม็ด” นวัฒกรรมใหม่ ของซีอิ๊วขาว มาพร้อมกับสโลแกน พกสะดวก ละลายไวใน 5 วินาที

ป๊ายปาย โอริโอ้ โพสต์ยินดี สมรสเท่าเทียมผ่าน เผยเป็นวันที่รอคอยมานาน

ป๊ายปาย โอริโอ้ โพสต์ข้อความร่วมยินดี เมื่อสมรสเท่าเทียมผ่านครม. พร้อมเผยเป็นวันที่รอคอยมานานมาก โลกเปิดกว้าง ไม่จำกัดเพศ
ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า