“อนุทิน” รมว.สธ. เผยหารืออุปทูตจีนช่วยคุยรัฐบาลพิจารณาขายยาต้านไวรัสโควิด-19 เป็นกรณีพิเศษให้ไทย ยันยารักษาเพียงพอ หากไม่ระบาดไปมากกว่านี้ แจงนายกเตรียมประกาศแผนรับมือ ไม่ใช่ยกนะรับระยะ3
เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2563 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวภายหลังการต้อนรับ นายหยาง ซิน อุปทูตจีนประจำประเทศไทย ว่า ทางไทยได้ขอให้ช่วยเจรจากับผู้ผลิตยาที่ได้ลิขสิทธิ์ผลิตยารักษาไวรัสโควิด-19 ที่มีสรรพคุณใช้ได้ดีกับผู้ป่วย เพื่อให้ทางการไทยสามารถซื้อยาเป็นกรณีพิเศษ เนื่องจากขณะนี้ทางการจีนไม่อนุญาตให้ขายยานอกประเทศ และยาที่ซื้อส่วนใหญ่จะนำมารักษาคนจีนที่ป่วยอยู่ในไทยกว่าครึ่งด้วย อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาองค์การเภสัชกรรมได้ซื้อยานี้มาได้จำนวนหนึ่ง โดยใช้ความสัมพันธ์ในฐานะที่เป็นบริษัทผู้ผลิตยาด้วยกัน จึงนำเข้ามาได้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
นายอนุทิน กล่าวว่า กระแสข่าวที่ระบุว่าไทยยังไม่มียารักษาผู้ป่วยโควิด-19 ยืนยันว่าไม่เป็นความจริงเพราะยาของไทยที่ผลิตเองสามารถใช้ยับยั้งอาการได้ ขณะนี้ไทยมียาเพียงพอกับการรักษาอาการให้หายได้ หากไม่มีการแพร่ระบาดที่รุนแรงมากกว่านี้
จากการรักษาในช่วงที่ผ่านมา ไทยมีความมั่นใจมากขึ้น จากผู้ป่วย 43 ราย กลับบ้านได้ 28 ราย รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 14 คน เสียชีวิต 1 ราย ซึ่งสาเหตุยังไม่แน่ชัดว่าเสียชีวิตเกิดจากไวรัสโควิด-19 หรือไม่ ต้องรอพิสูจน์ทางการแพทย์ และในผู้ป่วย 43 ราย 2 ใน 3 รักษาหายโดยใช้ยาที่มีอยู่ในประเทศ เพราะปัจจุบันยังไม่มียารักษาโดยตรง แต่เป็นยาประคองอาการ ทำให้ผู้ป่วยสามารถสร้างภูมิคุ้มกันต่อสู้กับเชื้อไวรัสและหายป่วย
“ผู้ที่เสียชีวิตเมื่อวานนี้ (1 มี.ค.) รักษาการติดเชื้อไวรัสโควิด -19 หายแล้ว แต่มีอาการป่วยจากโรคอื่นประกอบ ทำให้ไม่สามารถต่อสู้กับโรคนี้ได้ ดังนั้น ขอให้ประชาชนมั่นใจว่าไทยมียาเพียงพอที่จะรักษาการติดเชื้อโควิด -19 ได้” นายอนุทิน กล่าว
นอกจากนี้ นายอนุทิน ยังกล่าวว่า วันนี้(2 มี.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะประกาศแผนบูรณาการป้องกันและรับมือโควิด -19 ยังไม่ใช่การประกาศยกระดับเข้าสู่ระยะที่ 3 เพราะยังไม่มีการแพร่ติดต่อกันเองของคนสู่คนในประเทศในลักษณะที่เป็นคนหมู่มาก ขณะนี้ยังอยู่ในระยะที่ 2 โดยการกำหนดระยะเป็นการกำหนดขึ้นมาเอง สำคัญที่สุดต้องมียารักษาผู้ป่วย มีบุคลากรทางการแพทย์และสถานพยาบาลเพียงพอ