โควิด-19 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข เผยก่อนการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์ การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ศบค. ว่า กระทรวงสาธารณสุขมีความพร้อมต่อมาตรการเปิดประเทศในระยะต่าง ๆ ขอให้มั่นใจว่าหากมีเหตุการณ์ติดเชื้อทางสาธารณสุขมีความพร้อมทั้งการควบคุมโรคและรักษาพยาบาล เราจึงต้องรีบผ่อนคลายมาตรการให้เป็นปกติเกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด โดยต้องเฝ้าระวังและตั้งกฎเกณฑ์ขึ้นมาในแต่ละระยะ เหมือนช่วงที่เราล็อกดาวน์ก็มี ระยะที่ 1 ระยะที่ 2 และระยะที่ 3
ส่วนจะมีการลดเวลาในการกักตัวจาก 14 วันเป็น 7 วัน หรือไม่นั้น ในแต่ละประเทศไม่เหมือนกันประเทศที่มีการควบคุมและป้องกันการติดเชื้อได้ดี ไม่มีการแพร่ระบาดในประเทศนั้นเป็นระยะเวลาพอสมควร เราจำเป็นที่จะต้องใช้วิธีการที่เข้มข้นที่สุด
เพราะมันจะเป็นการชะลอการทำมาหากิน การเดินทางสัญจรไปมา เพื่อประกอบธุรกิจ ยืนยันว่าเราดำเนินการทุกอย่างด้วยความระมัดระวัง เพื่อความมั่นใจ ซึ่งในที่ประชุมคงจะตัวอย่างประเทศที่มีความปลอดภัยมาก อาจจะออกมาในรูปแบบของการจับคู่ประเทศท่องเที่ยว หรือทราเวล บับเบิ้ล
ส่วนแนวทางการเปิดรับนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ หรือ Special tourist Visa (STV) ยืนยัน ไม่ได้เป็นการสร้างเงื่อนไข แต่จะมีการตั้งกฎเกณฑ์ ส่วนการล็อกดาวน์จะตั้งแนวทางเป็นลำดับ และจะมีการผ่อนคลายไปเรื่อย ๆ โดยหลักเกณฑ์แต่ละประเทศจะไม่เหมือนกัน เพราะจะดูตามตัวเลขการติดเชื้อไวรัสฯภายในประเทศนั่นๆ ซึ่งจะไม่เข้มงวดทั้งหมด
เช่นอาจจะปรับลดระยะเวลาการกักตัว สำหรับประเทศที่มีการติดเชื้อไวรัสฯน้อย ขณะที่บางประเทศก็อาจจะยังต้องคงการกักตัว ซึ่งเป็นข้อเสนอของกระทรวงสาธารณสุข หากที่ประชุม ศบค. จะเห็นด้วย ในหลักการนี้เราก็จะสนับว่าความพร้อมของกระทรวงสาธารณสุข การแพทย์การพยาบาล เวชภัณฑ์ ต่อไป
ดังนั้น ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของแต่ละประเทศ ทั้งนี้ขอยืนยันว่าจะไม่มีภูเก็ตโมเดล แต่จะเป็นไทยแลนด์โมเดล เพราะไม่เช่นนั้นคนภูเก็ต ก็จะกล่าวหาว่าเป็นจังหวัดหนูทดลองยา ซึ่งอาจจะหาจังหวัดที่พร้อมนำร่องก่อน
ส่วนกรณีจะมีการจะมีเสนอขยายเวลาประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน นั้น ยังไม่ทราบ เพราะเรื่องการต่อพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ต้องนำเสนอเข้า ที่ประชุม ครม. เมื่อถามย้ำว่าจำเป็น ต้องต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ หรือไม่
ทั้งนี้ มีหลายมิติที่ต้องดู ถามว่าสาธารณสุขไปสั่งตำรวจไปสั่งผู้ว่าทหารบอกเต็มที่ได้หรือไม่ ก็ไม่ได้ บางครั้งการใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินก็มีประโยชน์ ในเรื่องของความฉับพลันรวดเร็วและเด็ดขาด หากมีสถานการณ์เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลาย ๆ อย่าง ขอย้ำว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เป็นการประกาศใช้เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด โควิด-19 ไม่ได้เป็นการประกาศใช้ เพื่อลิดรอนสิทธิส่วนบุคคล หรือสิทธิการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง หรือทางประชาธิปไตย
“จริง ๆ มันไม่ใช่ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ถ้าจะทำใจให้สบายมันคือ พ.ร.ก.พิเศษ ฉบับหนึ่ง ที่จะทำให้เกิดความปลอดภัยกับประเทศไทยและประชาชน นี่คือเจตนารมณ์ของ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่ถูกใช้มาในช่วง 4-5 เดือน เพราะไม่มีการจำกัดสิทธิ์อะไรสักอย่าง” นายอนุทิน ระบุ