การเมืองวิถีใหม่ เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2563 ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต และอดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว Arthit Ourairat หัวข้อ “ข้อเสนอแนะการเมืองวิถีใหม่ NEW NORMAL สังคมธรรมาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข” โดยระบุว่า
“ข้อเสนอแนะการเมืองวิถีใหม่ NEW NORMAL สังคมธรรมาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เพื่อให้การเมืองบ้านเราพ้นจากระบบอุปถัมภ์ ก๊วน แก๊งมาเฟียต่างๆ การใช้เงินทุ่มเทซื้ออำนาจ จนไม่คำนึงถึงหลักการประชาธิปไตย ที่อำนาจเป็นของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน นักการเมือง ส.ส. รมต. จะพ้นจากการทำงานภายใต้การบงการของนายทุนและผู้อุปถัมภ์พรรคมากกว่าคำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชน จะเป็นจุดอ่อนให้เกิดเงื่อนไขการรัฐประหาร วนเวียนอยู่อย่างที่ผ่านมา”
ดร.อาทิตย์ ได้ระบุถึงแนวคิดการเมืองวิถีใหม่ ว่า การเลือกตั้ง ส.ส. ให้มีจำนวน 500 คน , ผู้สมัครเลือกตั้งเป็น ส.ส.ในเขตเลือกตั้ง ต้องได้คะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งของจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งนั้น , การเลือกนายกรัฐมนตรีให้กระทำโยสภาผู้แทนราษฎร โดยผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี ต้องเป็น ส.ส. และเสนอชื่อกันเองในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรับรองไม่น้อยกว่า 100 คน ต้องให้สิทธิผู้สมัครการเลือกตั้งให้สื่อของรัฐอย่างเท่าเทียมกัน รวมไปถึงการจัดทำหนังสือแนะนำตัวผู้สมัครตามหัวข้อที่กกต.กำหนด ก็ต้องส่งถึงทุกครัวเรือน
สำหรับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ต้องแสดงวิสัยทัศน์ต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยให้เวลาคนละไม่เกิน 1 ชั่วโมง , ให้ ส.ส.ลงคะแนนเลือกผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี โดยวิธีลงคะแนนลับ , ผู้ได้รับการเลือกให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ต้องได้คะแนนเสียงสนับสนุนจาก ส.ส. ไม่น้อยกว่า 300 เสียง
กรณีต้องมีวุฒิสภา หลักการ คือ มีจำนวน 200 คน ให้มาจากหลากหลายสาขาวิชาชีพตามจำนวนที่กำหนด แล้วให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเลือกเหลือ 200 คน โดยมีวุฒิสภา มีบทบาทเป็นสภากลั่นกรองกฎหมายที่ผ่านมาจากสภาผู้แทนราษฎร เป็นสภานำเสนอแนวทางแก้ปัญหา หาทางออกของบ้านเมือง เป็นต้น