เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2563 ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าว ภายหลัง ศบค. แถลงผ่อนปรน พรก.ฉุกเฉิน ว่า คงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจนักกับการที่ยังคงใช้อำนาจตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ต่อไป โดยอ้างการระบาดซ้ำและฉากทัศน์การระบาดที่จะเพิ่มขึ้น หากมีการผ่อนปรนมาเป็นเหตุให้ประชาชนหวั่นวิตก และยอมอยู่ภายใต้อำนาจเข้มข้นของรัฐบาลต่อไป ทั้งนี้ ผมยังขอยืนยันตามที่ได้กล่าวไว้ เมื่อวานนี้ (14 พ.ค.) ว่า ทุกวันนี้ไม่เหลือเหตุอันควรใด ๆ ที่จะต้องใช้อำนาจตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ อีกแล้ว และการแก้ไขปัญหาต่อจากนี้ไปจะต้องหันไปสู่ทิศทางของการเยียวยาและพื้นฟูเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากไวรัส COVID-19 และมาตรการของรัฐมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งหากปล่อยให้สถานการณ์ฉุกเฉินยืดยาวออกไปเท่าใด การฟื้นตัวกลับมาก็จะยากยิ่งขึ้นตามไปด้วย
นายชัยธวัช กล่าวอีกว่า แม้จะมีการลดเวลาเคอร์ฟิวไป 1 ชั่วโมง และเปิดให้ห้างร้านบางประเภทกลับมาค้าขายได้มากขึ้น แต่ก็ยังมีกิจการอีกเป็นจำนวนมาก เช่น สถานบันเทิง สถานที่ออกกำลังกายบางประเภท สถานเสริมความงามบางประเภท ร้านนวดแผนไทย โรงภาพยนตร์ สถาบันกวดวิชา ฯลฯ ยังมีคนทำงานอีกนับล้านคนที่จะยังต้องขาดรายได้ต่อไป รวมถึงอีกนับล้านคนที่ยังต้องตามเรียกร้องสิทธิได้รับการเยียวยาอย่างไม่รู้จุดจบ และหากว่าสถานที่อย่างห้างสรรพสินค้า ร้านค้าปลีกค้าส่ง และตลาดต่าง ๆ สามารถผ่อนปรนให้เปิดบริการได้ ก็น่าจะเป็นตัวบ่งชี้แล้วว่าความฉุกเฉินของสถานการณ์ไม่ได้เทียบเท่ากับที่เป็นตอนเริ่มประกาศใช้อำนาจตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และสมควรพิจารณาใช้เครื่องมือทางกฎหมายอื่น ๆ มาใช้ในการควบคุมโรคทดแทนได้แล้ว ดังนั้น การยุติสถานการณ์ฉุกเฉินจึงต้องเกิดโดยเร็วที่สุด เพื่อนำบรรยากาศของการกลับสู่สภาวะปรกติและการฟื้นฟูสิ่งที่เสียหายมาสู่สังคมไทยอีกครั้ง แม้การระบาดระลอกใหม่อาจเกิดขึ้น แต่ด้วยศักยภาพของระบบสาธารณสุขไทยและการเตรียมความพร้อมมาเกือบ 2 เดือน ก็ย่อมสามารถรับมือต่อสถานการณ์ที่จะเข้ามาในอนาคตได้เช่นกัน
“ผมขอให้รัฐบาลทบทวนอีกครั้งถึงการยกเลิกการใช้อำนาจตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ โดยต้องยกเลิกให้ได้ก่อนการเปิดประชุมรัฐสภาสมัยสามัญ เพราะจะต้องมีการพิจารณาร่าง พ.ร.ก.กู้เงิน 3 ฉบับ และร่าง พ.ร.บ.โอนงบประมาณรายจ่ายฯ ที่จะเป็นกฎหมายสำคัญในการเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจ ซึ่งสมควรที่จะต้องได้รับการพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนที่สุดโดยไม่ถูกขัดขวางจากการเคอร์ฟิวหรือมาตรการตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ใด ๆ ทั้งสิ้น” นายชัยธวัช กล่าว
อย่างไรก็ตาม ขอย้ำอีกครั้งว่าเราต้องการ New Normal ที่ประชาชนสามารถดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้โดยที่ยังมีกลไกป้องกันหรือลดความเสี่ยงในการระบาด ไม่ใช่ New Abnormal ที่ใช้ชีวิตอย่างติดขัดภายใต้สภาวะไม่ปรกติแบบไม่เห็นจุดหมายปลายทางอย่างที่เป็นอยู่นี้”