วินาที ชัชชาติ ผู้ว่าฯกทม. เดินทางรับลูกชาย แสนปิติ สิทธิพันธุ์ หรือ แสนดี กลับจากประเทศสหรัฐอเมริกา หลังจากสำเร็จการศึกษาด้านประวัติศาสตร์
ตามที่ก่อนหน้านี้ นาย ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม. ได้เดินทางไปร่วมงานรับปริญญาลูกชาย นายแสนปิติ สิทธิพันธุ์ หรือ แสนดี ที่สำเร็จการศึกษา ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อช่วงเดือน มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา
โดย นายแสนปิติ สิทธิพันธุ์ ลูกชายนายชัชชาติ จบการศึกษาด้านประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา
ซึ่งการเดินทางไปสหรัฐอเมริกาดังกล่าวนาย ชัชชาติ ได้แจ้งลางานผู้ว่าฯกทม. เป็นระยะเวลา 4 วัน เพื่อเดินทางไปในวันสำคัญลูกชาย ครั้งนี้

ล่าสุด ความเคลื่อนไหวของพ่อลูกคู่นี้เฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว ได้มีโมนเมนต์น่ารักๆ ที่สุดแสนอบอุ่น โดยนาย แสนปิติ สิทธิพันธุ์ หรือแสนดี ได้เดินทางกลับจากสหรัฐอเมริกา และถึงประเทศไมย เมื่อช่วงกลางดึกเวลาเที่ยงคืน วันที่ 26 ก.ค.65 ที่สนามบินสุวรรณภูมิ
โดยมีนาย ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้เป็นพ่อ ได้เดินทางไปรับลูกชาย ด้วยตัวเอง พร้อมไลฟ์สดแซวลูกชาย ท่ามกลางบรรยากาศน่ารักและอบอุ่นประทับใจอย่างมาก
1 “แสนดี” (แสนปิติ สิทธิพันธุ์) บุตรชายของ “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” เกิดเมื่อปี 2543 เมื่ออายุได้ 1 ขวบ 2 เดือน มีญาติตั้งข้อสังเกตว่าเรียกแล้วไม่หันเหมือนไม่ได้ยิน ชัชชาติจึงพาแสนดีไปหาหมอและพบว่าลูกหูหนวกในระดับที่หนวกสนิท
2 วินาทีนั้นชัชชาติทั้งเสียใจทั้งช็อก เขาร้องไห้และปฏิเสธความจริง ไปบนบานศาลกล่าวหลายแห่งขอให้ลูกพูดได้และได้ยิน ก่อนที่เขาจะตั้งสติได้และตระหนักว่า “ชีวิตไม่มีปาฏิหาริย์ เราต้องสร้างมันด้วยตัวเอง” เขาจึงตั้งปณิธานว่าจะสู้เพื่อลูก เพื่อให้ลูกได้มีชีวิตปกติที่สุด
และนั่นคือวินาทีเปลี่ยนชีวิตของแสนดี

3 จากนั้นชัชชาติหาหนังสือและงานวิจัยเกี่ยวกับคนหูหนวกมาศึกษามากมาย จนพบว่ามี 3 ทางเลือกสำหรับคนหูหนวก คือ 1. ใช้ภาษามือ 2. ใส่เครื่องช่วยฟังและอ่านปาก 3. ผ่าตัดฝังประสาทหูเทียม
4 ชัชชาติอยากให้ลูกได้รับการผ่าตัด แต่เมื่อ 20 ปีที่แล้วเมืองไทยมีการผ่าตัดแบบนี้ไม่มากและยังไม่ประสบความสำเร็จ คือคนที่ผ่าตัดยังคงพูดไม่ได้ เขาจึงตัดสินใจพาลูกไปผ่าตัดที่ออสเตรเลีย
5 ตอนนั้นชัชชาติทำงานเป็นอาจารย์สอนอยู่ที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ จะลางานไปนาน ๆ ก็ไม่ได้ โชคดีที่รัฐบาลออสเตรเลียเปิดสอบชิงทุนวิจัย และเขาสอบได้ทุนในช่วงเวลาที่ลูกจะได้ผ่าตัดพอดี
6 แสนดีได้รับการผ่าตัดในปี 2545 การผ่าตัดใช้เวลาเพียง 2 ชม. แต่หัวใจของการรักษาอยู่ที่การฝึกฟัง-ฝึกพูดหลังผ่าตัด ซึ่งหมอเปรียบเปรยว่า ถ้าผ่าตัดแล้วไม่ได้ฝึก ก็เปรียบเสมือนการให้เปียโนเด็กไปแล้วไม่ให้เขาฝึกเล่น

7 ความท้าทายอีกอย่างคือการเลือกว่าจะให้แสนดีพูดภาษาไทยหรืออังกฤษ แต่เนื่องจากเครื่องรับเสียงสามารถรับวรรณยุกต์ได้ไม่ละเอียดเท่าหูคนปกติ จึงทำงานดีกว่าในภาษาอังกฤษ ประกอบกับความรู้ต่าง ๆ ในโลกส่วนใหญ่เป็นภาษาอังกฤษ ชัชชาติจึงตัดสินใจเลือกภาษาอังกฤษให้ลูก
8 ครูฝึกที่ดีที่สุดของลูกก็คือพ่อแม่ ชัชชาติกับภรรยาต้องเข้าอบรมเพื่อมาฝึกให้ลูก ช่วง 6 เดือนแรกแสนดีไม่ยอมพูดเลย จนมีบางครั้งที่ชัชชาติสงสัยว่าเขามาถูกทางหรือเปล่า แต่เขาเลือกที่จะไม่ยอมแพ้ จนในที่สุดแสนดีก็พรั่งพรูออกมาและกลายเป็นเด็กช่างพูด
9 หลังฝึกพูดอยู่ 1 ปีครึ่ง หลังจากนั้นแสนดีก็สามารถเติบโตและใช้ชีวิตได้อย่างเด็กทั่วไป เขาเรียนรู้ ใช้ชีวิต เล่นกีฬา และเข้าสังคมมีเพื่อนฝูงอย่างคนปกติ แสนดีบอกว่าเขามีพ่อเป็นทั้งเพื่อนสนิทและเป็นต้นแบบ โดยเฉพาะเรื่องของการไม่ยอมแพ้อะไรง่าย ๆ

10 แล้วในปี 2565 แสนดีในวัย 22 ก็สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีด้านประวัติศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยวอชิงตัน (University of Washington) สหรัฐอเมริกา โดยชัชชาติซึ่งปัจจุบันเป็นผู้ว่าราชกรุงเทพมหานครบินไปร่วมแสดงความยินดีกับลูกชาย
สรุปและเรียบเรียงจาก:
– Thai PBS: “สู้เพื่อลูก ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” (1 ก.ย. 2558)
– นิตยสาร Hello: https://th.hellomagazine.com/…/chadchart-sittipunt-and…/
– เพจมนุษย์กรุงเทพฯ: https://www.facebook.com/bkkhumans/photos/a.1433077766976167/1646864668930808/?type=3
ขอบคุณข้อมูล Poetry of Bitch
ติดตามข่าวสาร Bright Today ช่องทางอื่น ๆ
Website : BRIGHT TODAY
Facebook : BRIGHT TV
Line Today : BRIGHT TODAY