นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึงกรณี ” ช่อ พรรณิการ์ วานิช ” เรื่องการใช้เอกสิทธิ์คุ้มกันของส.ส. โดยโพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า
*เอกสิทธิ์คุ้มกันของส.ส.
-อ่านข่าวคุณ”ช่อ พรรณิการ์” ส่งทนายความขอเลื่อนการเข้าพบพนักงานสอบสวน ปอท.ตามหมายเรียก โดยอ้างเอกสิทธิ์และความคุ้มกันตามรัฐธรรมนูญ ว่าอยู่ในระหว่างสมัยประชุม ผมเห็นใจท่านและเห็นว่าท่านสามารถใช้เอกสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญได้ แต่ผมมีข้อแนะนำว่า การใช้เอกสิทธิและความคุ้มกันตามรัฐธรรมนูญนั้นมิใช่อยู่ๆ ส.ส.จะยกขึ้นมาอ้างได้ตามลำพัง เอกสิทธิ์นี้เป็นเรื่องที่สภาต้องอนุมัติหากสภาเห็นว่า ไม่ควรให้ท่านใช้เอกสิทธิคุ้มครอง สมาชิกสภาฯก็จะลงมติไม่ให้ท่านใช้เอกสิทธินั้น ก็เคยมีเหมือนกันที่สภาไม่อนุมัติให้สมาชิกใช้เอกสิทธิ ตำรวจก็สามารถนำตัวสมาชิกไปทำการสอบสวนได้
- ความผิดพลาดเรื่องนี้มันเกิดขึ้นที่ตำรวจปอท.มีหมายเรียกมาที่ท่านในขณะที่อยู่ในระหว่างมีพระราชกฤษฎีกาเปิดสมัยประชุมแล้ว ซึ่งตามระเบียบและรัฐธรรมนูญพนักงานสอบสวนต้องมีหนังสือขอตัวส.ส.ไปที่เลขาธิการสภา จากนั้นเลขาธิการสภาก็จะกราบเรียนท่านประธานสภาเพื่อนำเข้าที่ประชุมให้สมาชิกลงมติว่าจะให้ส.ส.ใช้เอกสิทธิหรือไม่ คุณช่อ พรรณิการ์ ก็เป็นส.ส.ใหม่ โดยหารู้ไม่ว่า ลำพังตัวเธอหามีเอกสิทธิไม่ แต่เป็นเรื่องที่สภาต้องลงมติว่าจะให้เอกสิทธิ์เธอหรือไม่
- ถ้าให้ผมแนะนำ(โดยไม่ต้องจ่ายค่าปรึกษา) ผมก็แนะนำให้ท่านไปพบพนักงานสอบสวนแล้วเอาบัตรประจำตัวสมาชิกสภาผู้แทนวางบนโต๊ะพนักงานสอบสวน เท่านั้นแหละ พนักงานสอบสวนก็จะยกน้ำชา กาแฟ มาเลี้ยงท่าน และเชิญท่านกลับ เพราะพนักงานสอบสวนจะสอบสวนท่านในฐานะผู้ต้องหาในระหว่างสมัยประชุมไม่ได้ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 125 หากท่านทำแบบนี้ จะดูสง่ากว่าขอเลื่อนเป็นไหนๆ
- เวลาประชุมสภา ท่านเองก็สามารถอภิปรายได้ว่า ตำรวจยุคนี้ไม่รู้กฎหมายหรือยังไง เขาไม่ให้มีหมายเรียกส.ส.ในระหว่างสมัยประชุม หากจะเรียกต้องทำหนังสือขอตัวไปที่สภาโน่น แต่เมื่อเธอทำแบบนี้ โอกาสเธอจะอภิปรายอย่างสง่างามก็หมดไป เชื่อผมเถอะ เพราะในขณะที่เป็นส.ส.ผมโดนคดีหมิ่นประมาทแบบนี้มาแล้ว 12 คดี #นิพิฏฐ์ผู้แทนนอกสภา