วันที่ 30 มี.ค. นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย ได้โพสต์ข้อความบนเพจเฟซบุ๊ก “Watana Muangsook” โดยระบุว่า
“สภาพความไม่แน่นอน คือ ปัญหาของเศรษฐกิจ คล้ายกับการจับคนเข้าห้องมืดที่มองอะไรไม่เห็น ทุกคนจะหยุดนิ่งไม่กล้าขยับตัวเศรษฐกิจก็เช่นกัน หากคนมองไม่เห็นอนาคต คนก็จะไม่กล้าใช้เงินและลงทุน ยิ่งล่าสุดรองอธิบดีกรมควบคุมโรคระบุว่ารัฐกำลังปั่นตัวเลขผู้ป่วย เพื่อสร้างความหวาดกลัวยิ่งสร้างความสับสนกับประชาชนวิกฤตที่เกิดขึ้นกับประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นน้ำท่วม ภัยแล้ง เหตุกราดยิงที่โคราช ไฟป่าที่ภาคเหนือ หรือโควิด ได้พิสูจน์แล้วว่าพลเอกประยุทธ์เป็นผู้นำไม่ได้เพราะเป็นตัวปัญหาเสียเอง จะเป็นได้ก็เพียงหัวหน้าหน่วยงานที่ต้องทำงานตามคำสั่งเพราะหากปล่อยให้คิดอะไรเองก็จะพังแบบที่ส่งมินิฮาร์ทให้ประชาชนท่ามกลางคนถูกฆ่าตาย
การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน แล้วตั้งตัวเองเป็นหัวหน้าพร้อมด้วยปลัดกระทรวงเป็นคณะทำงาน คือ ตัวอย่างของรัฐราชการที่ พลเอกประยุทธ์ คุ้นชินแต่ล้มเหลว การประกาศล็อกดาวน์ประเทศปล่อยให้ต่างคนต่างทำโดยประชาชนไม่ทราบว่า จะจบอย่างไรเมื่อไร คือ ปัญหา วิกฤตที่เกิดครั้งนี้ยังพิสูจน์ว่า ยุทธศาสตร์ชาติที่อวดโอ่กลายเป็นไร้ค่า เพราะใช้ประโยชน์ไม่ได้ ยังไม่นับรวมหลายองค์กรที่ถูกตั้งขึ้นมา เพื่อค้ำยันอำนาจตัวเองจนเป็นภาระภาษี แต่ช่วยประชาชนไม่ได้ ส่วนจะเป็นองค์กรใดประชาชนคงคิดออก
หากตัวเลขคนติดเชื้อไม่มากแบบที่รองอธิบดีกรมควบคุมโรคให้ข้อมูล รัฐต้องรีบผ่อนคลายมาตรการเปิดโอกาสให้คนยากจนได้ทำมาหากิน ภาพที่คนไปเข้าคิวรอเปิดบัญชีกับธนาคาร เพื่อขอรับเงินช่วยเหลือแปลว่า คนยากจนกลัวอดตายมากกว่ากลัวโควิด รัฐบาลจึงควรเตรียมมาตรการป้องกันโรค ตรวจโรคผู้ประกอบการและผู้ร่วมงาน และเตรียมอุปกรณ์จำเป็นสำหรับลูกค้าที่จะมาใช้บริการตามข้อ 11 ของข้อกำหนด แล้วอนุญาตให้ผู้ประกอบการที่มีความพร้อมเปิดให้บริการก่อนที่คนจะอดตาย เชื่อเถอะว่า เวลาคนไม่มีกินอะไรก็เกิดขึ้นได้ และจะน่ากลัวกว่าเหตุจลาจลที่เรือนจำบุรีรัมย์”