“เทพไท”หนุนคลังเปิด ศูนย์รับร้องทุกข์ เยียวยา 5 พัน แนะ ให้ความสำคัญปชช.4 กลุ่ม “ซาเล้ง-คนไร้บ้าน-ศิลปิน-ผู้สูงอายุ”
เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2563 นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสเฟสบุ๊คส่วนตัว กล่าวถึงการเยียวยาผู้ได้รับกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19ในขณะนี้ ว่า เห็นด้วยกับกระทรวงการคลัง ที่เปิดจุดรับร้องทุกข์และแก้ไขปัญหาการลงทะเบียนออนไลน์ของประชาชน ที่มีปัญหาไม่สามารถรับการเยียวยาได้ ซึ่งอยากจะให้รัฐบาลได้ออกประกาศอย่างเป็นทางการ ให้พี่น้องประชาชนในต่างจังหวัดให้ไปร้องทุกข์ที่ศูนย์ดำรงธรรม ของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งตั้งอยู่ที่ศาลากลางของทุกจังหวัด เพื่อเปิดโอกาสให้พี่น้องประชาชนในต่างจังหวัดได้รับสิทธิ์การช่วยเหลือแก้ไขปัญหาเท่าเทียมกันกับพี่น้องประชาชนในเขตกรุงเทพมหานคร
และเชื่อว่าต่อจากนี้ก็จะมีคนมาร้องทุกข์จำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ อยากให้มีการขยายเวลาออกไปอีก เพราะคนไทยส่วนใหญ่ยังเข้าไม่ถึงระบบออนไลน์ ตามที่รัฐบาลคาดหวังไว้ จนในที่สุดก็หนีไม่พ้นการเปิดจุดรับฟังปัญหาและแก้ไขให้กับประชาชน และจนกว่าโครงการนี้จะเสร็จสิ้น ก็จะมีพี่น้องประชาชนอีกหลายสาขาอาชีพ อีกหลายกลุ่ม ออกมาทวงสิทธิ์การเยียวยา ซึ่งรัฐบาลก็ควรจะให้ความสำคัญและช่วยเหลือเช่นกัน ซึ่งกำลังเป็นข่าวอยู่ในขณะนี้ คือ
1.กลุ่มซาเล้ง ที่นำเสนอโดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
2.กลุ่มคนชายขอบ กลุ่มคนไร้บ้าน ที่นำเสนอโดยนายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
3.กลุ่มศิลปินพื้นบ้าน นักร้อง นักแสดง ที่นำเสนอโดยนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต ส.ส.พัทลุง
4.กลุ่มผู้สูงอายุ ที่นำเสนอโดยนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี ฯลฯ
ซึ่งในตอนนี้รัฐบาลตั้งเป้าหมายการเยียวยาผู้ได้รับการคัดกรองแล้วจำนวน 16 ล้านคน และการเยียวยาพี่น้องเกษตรกรอีก 10 ล้านครัวเรือน รวมทั้งหมด 26 ล้านคน และอาจยังมียอดตกค้างเพิ่มเติมในภายหลังอีกจำนวนหนึ่ง คาดว่าน่าจะตกอยู่ประมาณ 3 0ล้านคน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าวิธีการที่รัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่ในตอนนี้ จำนวนเงินงบประมาณเกินความเป้าหมายที่วางไว้ ถ้าหากรัฐบาลเลือกใช้วิธีการเยียวยาที่ตนเองเคยเสนอและยืนยันมาโดยตลอดว่าเป็นวิธีการที่ดีกว่าคือ จ่ายเป็นรายครัวเรือน หรือจ่ายเป็นรายบุคคลที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปมีเงินฝากธนาคารไม่เกิน 100,000 บาท จะใช้เงินงบประมาณน้อยกว่า รวดเร็วกว่า ทั่วถึงเป็นธรรมกว่า และไม่มีการซ้ำซ้อน
แต่เมื่อโครงการเราไม่ทิ้งกันได้เดินหน้ามาถึงตอนนี้แล้ว คงจะไม่เรียกร้องให้เปลี่ยนแปลงอะไรอีก มีแต่จะสนับสนุนให้รัฐบาลเดินหน้าต่อไปให้เร็วที่สุด ยึดถือตามคำโบราณที่กล่าวไว้ว่า หุงข้าวเสร็จแล้ว จะสุกหรือดิบ ก็ต้องคดกินกันเท่านั้น แต่จะขอตั้งข้อสังเกตฝากไว้กับรัฐบาล เพื่อใช้เป็นบทเรียนของการบริหารราชการแผ่นดินในโอกาสต่อไป