อำนาจในพปชร. กระทบการเมือง-เศรษฐกิจ ซ้ำเติมประเทศบอบช้ำ และจบท้ายหนีไม่พ้น ทุจริตคอร์รัปชัน จาตุรนต์ ห่วงศึกแก่งแย่งอำนาจในพปชร.
จาตุรนต์ ฉายแสง ห่วงศึกแก่งแย่ง
เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงในพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ว่า การแก่งแย่งอำนาจในพรรคพปชร.ซึ่งเกิดขึ้นในขณะที่ประเทศกำลังตกอยู่ในวิกฤติร้ายแรงเช่นทุกวันนี้ย่อมเป็นการทำร้ายความรู้สึกของประชาชนทั่วประเทศเป็นธรรมดา แต่ที่เลวร้ายว่านั้นก็คือการเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นนี้มีความเป็นได้สูงที่จะมีผลกระทบต่อการเมืองและเศรษฐกิจ ซ้ำเติมความบอบช้ำของประเทศและจะทำให้ประชาชนเดือดร้อนยิ่งกว่าที่เป็นอยู่อีกมาก
นายจาตุรนต์ กล่าวว่า เมื่อตอนที่จะก่อตั้งพรรคพลังประชารัฐ กลุ่มคนในคสช.และรัฐบาลที่วางแผนเพื่อสืบทอดอำนาจเผด็จการอาจจะยังระวังไม่ให้ภาพพจน์ดูเลวร้ายจนเกินไปด้วยการใช้นักวิชาการนักบริหารบางคนมาเป็นผู้ก่อตั้งเพื่อหลีกเลี่ยงการสร้างพรรคแบบพรรคสามัคคีธรรมในอดีตที่ต่อมาถูกประชาชนต่อต้านคัดค้านจนต้องล่มสลายไปในเวลาอันรวดเร็ว
นายจาตุรนต์ กล่าวว่า แต่ในโอกาสครบรอบ 6 ปีของการรัฐประหารโดยคสช. ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอันเป็นเป็นการย้อนยุค ทำให้พรรคการเมืองนี้กลายเป็นพรรคที่มีการรวมเป็นเนื้อเดียวกันอย่างสมบูรณ์ระหว่างนักการเมืองประเภทเสือสิงห์กระทิงแรดกับผู้ที่ได้อำนาจมาจากการทำรัฐประหาร สวนทางจะปฏิรูปการเมือง การเปลี่ยนแปลงในพปชร.ครั้งนี้ทำให้พรรคการเมืองอื่นๆจะต้องประเมินกันใหม่ว่ากำลังร่วมมือหรือแข่งขันอยู่กับพรรคการเมืองแบบไหนและจะมีผลต่อบ้านเมืองอย่างไร
นายจาตุรนต์ กล่าวอีกว่า หากมีการเปลี่ยนคณะกรรมการบริหารตามที่เป็นข่าวจริง ก็เป็นไปได้สูงที่จะมีการปรับคณะรัฐมนตรีในตำแหน่งสำคัญซึ่งจะทำให้รัฐมนตรีจากพปชร.หลายคนที่เป็นสายนักวิชาการและนักบริหารจะถูกแทนที่โดยนักการเมืองที่ไม่มีความรู้ความสามารถในการแก้ปัญหาประเทศ และเมื่อการเปลี่ยนแปลงนี้เกิดจากการเปลี่ยนดุลอำนาจในพปชร. นายกฯจะหาคนนอกมาเป็นรัฐมนตรีในโควตานายกฯก็ไม่ได้ เพราะไม่มีมาแต่ต้น
นายจาตุรนต์ กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมารัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจของรัฐบาลโดยเฉพาะพปชร.ก็ล้มเหลวในการแก้ปัญหาอย่างร้ายแรงอยู่แล้ว หากมีการเปลี่ยนแปลงอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้น การแก้ปัญหาเศรษฐกิจย่อมจะยิ่งล้มเหลวเลวร้ายลงไปอีกอย่างไม่ต้องสงสัยเลย ยิ่งการเปลี่ยนแปลงนี้มาเกิดในช่วงที่จะมีการใช้งบประมาณจำนวนมหาศาลด้วยแล้ว ยิ่งมีแต่คนเป็นห่วงว่าการปรับครม.ที่จะตามมาจะเป็นไปเพื่อการไปแย่งชิงกอบโกยผลประโยชน์เสวยสุขบนความทุกข์ยากเดือดร้อนของประชาชน
“การปรับครม.ที่เกิดขึ้นจากการเอาชนะกันด้วยทุนและอำนาจ ไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชน นอกจากจะทำให้รัฐบาลนี้ล้มเหลวในการแก้ปัญหาประเทศมากยิ่งขึ้น ที่น่าเป็นห่วงคือจะเกิดปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันหนักยิ่งขึ้นโดยไม่มีใครสามารถสกัดกั้นขัดขวางได้” นายจาตุรนต์ กล่าว