บิ๊กแป๊ะ ศาลอาญา สั่งยกฟ้อง”พ.ต.อ.ไพรัตน์” คดี “พล.ต.อ.จักรทิพย์” โยกย้ายข้ามหน่วยงานตามดุลพินิจอย่างไม่เป็นธรรม ชี้คำฟ้องโจทก์เลื่อนลอย
เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2563 ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถ.นครไชยศรี ศาลอ่านคำสั่งชั้นตรวจคำฟ้องหมายเลขดำ อท. 3/2563 ที่ พ.ต.อ.ไพรัตน์ ไพพรรณรัตน์ รองผู้บังคับการอำนวยการ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 (รองผบก.อก.ภ.9) เป็นโจทก์ฟ้อง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นจำเลย ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 กรณีที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ มีคำสั่งแต่งตั้งโยกย้าย พ.ต.อ.ไพรัตน์ โจทก์ จากตำแหน่ง รอง ผบก.ภ.จว.เพชรบุรี ไปเป็น รอง ผบก.อก.ภ.9 โดยไม่เป็นธรรม
ศาลพิเคราะห์คำฟ้องโจทก์แล้วเห็นว่ามีปัญหาต้องวินิจฉัย ว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่า โจทก์บรรยายฟ้องว่าการโยกย้ายโจทก์ใช้ดุลพินิจตามอำเภอใจ คิดว่ามีคำสั่ง คสช.20/2561 สนับสนุนให้กระทำการใดๆกับใครก็ได้ โดยโจทก์ถูกย้ายเหตุฝ่าฝืนคำสั่ง คสช.ที่ 22/2558 เรื่องมาตรการป้องกันการแข่งขันรถจักรยานยนต์ ทั้งที่โจทก์ไม่เคยมีการฝ่าฝืนแต่อย่างใด
ทั้งนี้ จำเลยทราบดีว่าโจทก์กำลังศึกษาในหลักสูตรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร หรือ วปอ. จึงกลั่นแกล้งโยกย้ายตำแหน่งเพื่อให้เกิดความเสียหายต่อการศึกษาของโจทก์ โดยย้ายโจทก์ไปดำรงตำแหน่ง รองผบก.อก.ภ. 9 ซึ่งไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อราชการแต่อย่างใด เป็นการใช้ดุลพินิจตามอำเภอใจ
จากข้อเท็จจริงทราบว่า กรณีเป็นที่สงสัยว่าโจทก์ถูกดำเนินการทางวินัยในเรื่องการจัดแสดงดนตรี “คัมภีร์แผ่นดิน” เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2562 โดยให้ทีมงานจำหน่ายบัตรแก่ประชาชนและผู้ประกอบการใน จ.ภูเก็ต เป็นเหตุให้ต้องโยกย้ายโจทก์ โดยเรื่องยังอยู่ระหว่างการสอบสวน เหตุที่ย้ายโจทก์จาก บช.ภ.7 ไป บช.ภ. 9 เนื่องจากโจทก์เป็นผู้มีความรู้ความสามารถในการอำนวยการการ ฝึกอบรม ดูแลกำลังพล จึงให้ไปดำรงตำแหน่งดังกล่าว
ส่วนที่โจทก์อ้างว่ากำลังศึกษาในหลักสูตร วปอ.นั้น เป็นเรื่องที่โจทก์สมัครใจไปเรียน เพื่อหาความรู้เองและไม่ว่าโจทก์จะไปดำรงตำแหน่งที่ไหน ย่อมมีผลกระทบต่อการเรียนและการทำงานทั้งนั้น เหตุที่โจทก์ถูกแต่งตั้งโยกย้ายข้ามหน่วยเป็นไปตามคำสั่งของ ผบช.ภ.7 ที่ 126/2562 เรื่องจัดคอนเสิร์ต กรณียังอยู่ในระหว่างการดำเนินการสอบสวนหาใช่การฝ่าฝืนคำสั่งคสช.ที่ 22/2558 แต่อย่างใด
การที่ ผบ.ตร. มีหนังสือตอบข้อหารือ ผบช.ภ.7 เป็นการดำเนินการตามกฎหมาย ที่โจทก์อ้างว่าจำเลยโกรธเคืองเกลียดชังโจทก์ เนื่องจากโจทก์มีความขัดแย้งกับนายตำรวจระดับ รอง ผบ.ตร. เห็นว่าโจทก์บรรยายฟ้องอย่างเลื่อนลอยปราศจากเหตุผล การกระทำของจำเลยใช้อำนาจตามที่กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ใช้ดุลพินิจตามกำหนด
เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าโจทก์ได้ทำการร้องทุกข์ต่อ ก.ตร. ขอให้กลับไปทำหน้าที่ใน บช.ภ.7 คดียังอยู่ระหว่างดำเนินการของ ก.ตร.เกี่ยวกับข้อร้องทุกข์ดังกล่าว โดยยังไม่มีคำสั่ง จึงฟังไม่ได้ว่าโจทก์ถูกโต้แย้งสิทธิ์ หากการร้องทุกข์ไม่เป็นคุณแก่โจทก์ โจทก์ยังสามารถใช้สิทธิ์ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองได้ ในชั้นนี้โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษายกฟ้อง