โควิด19 22 มีค. 63 วานนี้ นาย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่าน เฟสบุ้คส่วนตัว Pita Limjaroenrat – พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ว่า ตอนนี้พวกเรากำลังเผชิญวิกฤตที่ไม่เคยเจอมาก่อน เป็นวิกฤตที่ไม่ใช่แค่ของคนไทย แต่กระทบคนทั่วโลก และกระทบทุกภาคส่วนไม่เพียงแต่ภาคสาธารณสุขเท่านั้น ดังนั้นสิ่งที่พวกเราเผชิญอยู่จึงเป็นวิกฤตซ้อนวิกฤต และจะกินเวลายาวนานข้ามปีหรือมากกว่านั้น วิกฤตตรงหน้าคือการระบาดของโรค COVID-19 และวิกฤตที่ซ้อนอยู่คือวิกฤตเศรษฐกิจ ที่จากเดิมประเทศไทยไม่มั่นคงอยู่แล้วจะถูกซ้ำเติมให้แย่ลงไปอีก นี่ไม่ใช่เรื่องการเมือง ไม่ใช่เรื่องของฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล แต่เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องร่วมมือกัน

มากไปกว่านั้น วิกฤตที่ซ้อนกันอยู่เป็นวิกฤต “ไม่ธรรมดา” ไม่ใช่ปัญหาเศรษฐกิจทั่วไปที่พวกเราเคยเจอ ดังนั้นจะไม่สามารถคลี่คลายด้วยการแก้ปัญหาแบบเดิม ที่ทำจนเคยชินอย่างเช่นการแจกเงิน แต่คือการต้องคิดนอกกรอบ และใช้นโนบาย “ไม่ธรรมดา” เพื่อที่จะสามารถแก้ไขปัญหาและเยียวยาประชาชนได้ครบทุกกลุ่ม

[ เศรษฐกิจโรค – เศรษฐกิจโลก – เศรษฐกิจไทย ]

รายงานการประชุมองค์การสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (UNCTAD) พบว่าการชะลอตัวทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 จะส่งกระทบต่อเศรษฐกิจโลก อย่างน้อย 32 ล้านล้านบาท และในสถานการณ์ที่ร้ายแรงที่สุดจะส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจ 64 ล้านล้านบาท ในกรณีนี้การเติบโตของ GDP โลกจะเหลือเพียง 0.5% นอกจากนี้ห่วงโซ่อุปทานในระดับโลกที่หยุดชะงักและราคาน้ำมันที่ผันผวนยังยิ่งซ้ำเติมความรู้สึกตื่นตระหนกไปทั้งโลก

สัญญาณวิกฤตที่กำลังจะตามมา

ระเบิดเวลาที่กำลังตามวิกฤต COVID-19 มาคือวิกฤตเศรษฐกิจของยุโรปซึ่งเป็นศูนย์กลางของการระบาด COVID-19 ในตอนนี้ UNCTAD รายงานว่ายุโรปจะเข้าสู่วิกฤตเศรษฐกิจอย่างแน่นอนในเดือนที่กำลังจะถึงนี้ โดยมีสัญญาณมาตั้งแต่ปลายปี 2562 และเศรษฐกิจที่เปราะบางมากเป็นพิเศษคือเศรษฐกิจของเยอรมนี ซึ่ง OECD ได้หั่นประมาณการเติบโต GDP เหลือ 0.3% เยอรมนียังประสบกับปัญหาหนี้เสียของ Deutsche Bank ที่ได้เริ่มปลดพนักงานออกจำนวนมากตั้งแต่ปีที่แล้ว ตลอดจนภาคการผลิตของประเทศก็หดตัวอย่างต่อเนื่องในช่วงปีที่ผ่านมา อิตาลีเป็นอีกประเทศหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 มากที่สุด และในปีนี้ GDP จะเติบโตเหลือเพียง 0.0% ซึ่งวิกฤติจากยุโรปก็ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจหลักของโลก อาทิเช่น สหรัฐอเมริกาจะเติบโตเหลือ 1.9% ญี่ปุ่นเหลือ 0.2%

เนื่องจากเศรษฐกิจฐานรากของประเทศไทยไม่เข้มแข็ง จึงต้องพึ่งพาปัจจัยภายนอกทั้งการส่งออกและการท่องเที่ยวอย่างมาก วิกฤตที่ยุโรปและญี่ปุุ่นจึงจะสร้างผลกระทบต่อประเทศไทยได้อย่างใหญ่หลวง ธนาคารเกียรตินาคิน (KKP) ประเมินว่า GDP ไทยปีนี้จะติดลบ – 2.4% ซึ่งเปรียบเทียบได้กับวิกฤตต้มยำกุ้งปีแรกที่ติดลบ – 3.2% (ปีถัดมาติดลบ – 7.2%)

วิกฤตการระบาดของไวรัส COVID-19 ได้เข้ามาซ้ำเติมระเบิดทางเศรษฐกิจหลายลูกที่คนไทยต้องดิ้นรนต่อสู้กันมาก่อนแล้ว และเพียงแค่ผลกระทบจากนักท่องเที่ยวที่ลดลงก็สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจไทย 3 แสนล้านบาท นี่ยังไม่รวมถึงปัญหา การขาดรายได้ของคนที่ต้องหยุดอยู่กับบ้าน การขาดสภาพคล่องของธุรกิจขนาดเล็ก และความผันผวนทางเศรษฐกิจต่างๆ จากห่วงโซ่อุปทานระดับโลกและเรื่องค่าเงิน เมื่อรวมผลกระทบทุกอย่างแล้ว หากเรายังดำเนินนโยบายแบบกล้าๆ กลัวๆ จะกลายเป็นว่า เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย

[ ข้อเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาสำหรับประเทศไทย ]

ระดับความใหญ่หลวงของวิกฤตที่คนไทยดิ้นรนต่อสู้อยู่ทุกวันนี้ ต้องรับมือด้วยมาตรการที่ทะเยอทะยานและตรงจุดมากเพียงพอ เพื่อที่จะให้พี่น้องประชาชนที่ยากลำบากรู้สึกว่ามาตรการช่วยเหลือนั้นเป็นรูปธรรมและมีนัยยะสำคัญ ณ ขณะนี้ไม่ใช่เวลาแบ่งฝ่ายว่าใคร ฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล คนไทยต้องเป็นหนึ่งเดียว ต้องตัดหนี้ ตัดรายจ่าย เติมสภาพคล่อง และนี้คือ 4 ไอเดีย (Policy ideas) ที่รัฐไทยไม่ได้ประกาศ แต่อาจช่วยให้คนไทยตั้งหลักได้ โดยการนำไปใช้จริงต้องให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เรียงลำดับความสำคัญ และเลือกใช้เครื่องมือให้เหมาะสมกับสถานการณ์

1.ลดหรืองดภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับสินค้าจำเป็นนอกเหนือจากสินค้าที่ได้ยกเว้นตามประมวลรัษฎากร ซึ่งอาจจะรวมถึง น้ำ นม ยารักษาโรค อาหารสำเร็จ ข้าวของเครื่องใช้ในบ้านต่างๆ สำหรับทำความสะอาด ฯลฯ (VAT reduction & exemption) เป็นเวลา 3 เดือน (มูลค่าประมาณ 1-2 แสนล้าน) ซึ่งมีจีนและอังกฤษเป็นตัวอย่าง เพื่อช่วยประชาชนอย่างรวดเร็วและทั่วถึง ในเวลาอันสั้น

2.พักหนี้ระยะยาว 3 เดือน (สินเชื่อบ้าน ธกส. กยศ. สินเชื่อ SME ฯลฯ) เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร นักศึกษา SME และบุคคลธรรมดาที่ต้องผ่อนบ้าน

3.รัฐช่วยจ่ายเงินเดือน 75% 3 เดือน ชดเชยค่าจ้างช่วงกักตัว ช่วยเหลือพี่น้องแรงงาน หาเช้ากินค่ำ ที่ได้รับคำสั่งให้หยุดยาวจากรัฐบาล

4.ปลดล็อคให้ขาย LTF ก่อนกำหนดได้ โดยไม่เสียค่าปรับเพื่อเติมสภาพคล่องให้พนักงานออฟฟิศ ในอุตสาหกรรมที่โดน “Leave without pay”

และในตอนนี้ประเทศไทยมีหนี้สาธารณะอยู่ที่ 40% ยังสามารถกู้เงินได้อีก และในตอนนี้ดอกเบี้ยยังต่ำ เปรียบเสมือนการกู้เพื่อซ่อมบ้านก่อนจะพังทั้งหลัง

นอกจากนี้เกษตรกรและผู้ส่งออกสินค้าเกษตรไทยซึ่งเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ก็ต้องเผชิญกับความผันผวนจากค่าเงินในระดับโลก เนื่องจากในปัจจุบันค่าเงินดอลลาร์แข็งขึ้น บาทอ่อนลง เนื่องจากนักลงทุนเคลื่อนย้ายเงินเข้าสู่ Safe Haven เพื่อความปลอดภัย เมื่อเงินดอลลาร์แพงขึ้นและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในโลกอิงกับดอลลาร์ ราคาก็จะแพงขึ้นทั่วโลกและอุปสงค์ลดลง ประเทศไทยจึงมีแนวโน้มที่จะส่งออกสินค้าเกษตรได้น้อยลง แต่เมื่อวิกฤติต่างๆ ในโลกบรรเทาลง นักลงทุนก็จะย้ายเงินออกมาจาก Safe Haven ผนวกกับสหรัฐฯ มีแนวโน้มใช้มาตรการการเงินแบบขยายตัวเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ดอลลาร์จึงอาจอ่อนค่ากลับลงมาอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้เกษตรกรไทยยังต้องเผชิญกับภัยแล้งที่รุนแรงที่สุดในรอบ 40 ปี น้ำในเขื่อนเหลือไม่ถึง 10-20% น้ำไม่ถึงไร่นา นี่คือความเสี่ยงที่ประเทศไทยต้องเผชิญ และภาครัฐมีความจำเป็นจะต้องมองไปข้างหน้าเพื่อให้รับมือต่อเหตุการณ์ได้ทันท่วงที

ผมขอให้กำลังใจพี่น้องประชาชน ดูแลสุขภาพกาย และสุขภาพใจให้พร้อมกลับมาฟูมฟักโอกาสที่กำลังจะมาถึงอีกครั้ง นี่คือช่วงเวลาที่ยากลำบากของพวกเราทุกคน เป็นช่วงเวลาที่เราคงห้ามความเครียดหรือห้ามน้ำตาไม่ได้ แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นขอให้มีสติ ไม่ท้อไม่ถอย วิกฤตนี้พวกเราจะผ่านมันไปได้ เหมือนที่มนุษยชาติเคยผ่านวิกฤตครั้งอื่นๆ กันมา

ข่าวล่าสุด

ดูทั้งหมด

ร้านรับซ่อมมือถือ คิวยาว โกยรายเป็นกอบเป็นกำ หลังเทศกาลสงกรานต์

เมื่อซองกันน้ำเอาไม่อยู่ ต้องถึงมือ “ร้านซ่อมมือถือ” ซะแล้ว! อาชีพที่รายได้ดี – ลูกค้าต่อคิวยาวหลังจบเทศกาลสงกรานต์

ไม่คิดชีวิต! หนุ่มใหญ่โดดสะพานแม่น้ำแม่กลอง 20 เมตร ลงไปช่วยวัยรุ่น รอดตายหวุดหวิด

เปิดใจ หนุ่มใหญ่วัย 45 ปี ตัดสินใจกระโดดลงจากสะพานข้ามแม่น้ำแม่กลองสูงเกือบ 20 เมตร ช่วยชีวิตวัยรุ่นกำลังจะจมน้ำรอดตายหวุดหวิด

ชาวบ้านเกือบ 30 คน แค้นใจ! ปิดล้อมกุฏิ จับพระลวงเด็ก 13 มาข่มขืน

วงการสงฆ์! พระวัย 50 ปี ลวงเด็ก 13 ปี มาล่วงละเมิดทางเพศถึง 4 ครั้ง พากันบุกวัดปิดล้อมกุฎิ ตำรวจตรวจพบฉี่ม่วง

ระทึก!! ไฟไหม้เรือร้านอาหาร ในแม่น้ำเจ้าพระยา นักท่องเที่ยวหนีตายวุ่น

ระทึก! ไฟไหม้ร้านอาหารริมแม่น้ำเจ้าพระยา นักท่องเที่ยวกว่า 24 ชีวิตหนีตายวุ่น ล่าสุดควบคุมเพลิงได้แล้ว ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ

นายกฯ เศรษฐา เข้ารดน้ำไหว้ขอพร “ทักษิณ” ณ บ้านส่องหล้า

นายกฯ เศรษฐา เข้ารดน้ำไหว้ขอพร “ทักษิณ” เนื่องในวันสงกรานต์ พร้อมตอบคำถาม กระแสเขย่าปรับครม.เศรษฐา 2

อุทาหรณ์ผู้ปกครอง! เช็คให้ดีก่อนจะสตาร์ต หรือออกรถ อย่าเผลอลืมลูกไว้ที่ปั้ม

อุทาหรณ์! หนุ่มน้อยนั่งร้องไห้อยู่กลางปั้ม หลังลงจากรถตามพ่อไปเข้าห้องน้ำ ออกมาอีกที่ไม่เจอรถ สุดท้ายชาวบ้านช่วยติดต่อให้ จนได้เจอพ่อแม่
ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า