ประพัฒน์ ปธ.สภาเกษตรกรแห่งชาติ แถลงผ่านยูทูป เรียกร้องรัฐบาลไม่ให้เข้าร่วม CPTPP ชี้หากเกษตรกรนิ่งเฉย อาชีพเกษตรล่มสลายแน่นอน
27 เม.ย. 63 แชนแนลยูทูป “Pethlanna Organic Farm เพชรล้านนาฟาร์ม” ได้เผยแพร่คำแถลงการณ์ของ นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ปธ.สภาเกษตรกรแห่งชาติ ถึงกรณีประเทศไทยจะเข้าร่วมเป็นสมาชิกความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิค หรือ CPTPP ซึ่งได้มีการนำเสนอข้อมูล และพิจารณากันหลายประเด็นที่มีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยาในประเทศ และการคุ้มครองพันธุ์พืช ซึ่งจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมสมุนไพรในประเทศ
อ่านข่าว “อนุทิน” ยัน ไม่สนับสนุนไทยร่วม “CPTPP” เตรียมทำหนังสือยื่น ครม.
อ่านข่าว เด็กเพื่อไทย ซัด รัฐอย่าฉวยโอกาศโควิดเข้า “CPTPP” ชี้ไทยจะเสียเปรียบหลายเรื่อง
นายประพัฒน์ กล่าวเรียกร้องให้เกษตรกรอย่านิ่งเฉย เพราะรัฐบาลอาจจะเข้าใจผิดได้ว่าเห็นด้วย โดยเฉพาะผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการผูกขาดเมล็ดพันธุ์ ซึ่งอาจถูกฟ้องร้องละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาจากบรรดาบริษัทข้ามชาติ เกษตรกรที่เลี้ยงสุกรจะได้รับผลกระทบด้วย อาจถึงขั้นต้องเลิกเลี้ยง คนที่เป็นหนี้อาจถูกธนาคารฟ้อง รวมทั้งอาชีพต่อเนื่องของเกษตรกรที่ปลูกพืชอาหารสัตว์ก็จะได้รับผลกระทบด้วย โดยเรียกร้องให้เกษตรกรอย่าได้นิ่งเฉย และต้องส่งเสียงเรียกร้องต่อร้ฐบาล (ซึ่งจะมีการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที่ 28 เมษายน 2563 นี้ ) และต้องมีปฏิบัติการไปพร้อมกันด้วย โดยบอกว่าถ้านิ่งเฉยอาชีพเกษตรกรล่มสลายแน่
นอกจากนี้ ยังระบุใต้วิดีโอแถลงการณ์ ว่า เมื่อครั้งความตกลง “หุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (Trans-Pacific Partnership : TPP) อดีตประธานาธิบดีอเมริกาพยายามผลักดันเรื่องนี้ กรอบความร่วมมือในอดีตนั้นเป็นห่วงกันมาก เพราะทราบดีว่าไทยเสียเปรียบในหลายเรื่อง อาทิ เรื่องการเกษตร ต่อมาประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยกเลิกจึงไม่ต่อเนื่อง แต่ประเทศที่เป็นสมาชิกที่เหลือพยายามผลักดันฟื้นฟู เรื่อง TPP ขึ้นมาใหม่ โดยเปลี่ยนชื่อเป็น CPTPP (Comprehensive and Progressive Agreement for Trans-Pacific Partnership) กรอบความร่วมมือใกล้เคียงเดิม บทบัญญัติบางประการที่มีแนวโน้มจะก่อให้เกิดผลกระทบเชิงลบยังคงมีไม่ใช่การตัดออกจากความตกลง เพียงแต่ยังไม่นำมาบังคับใช้ขณะนี้ จึงไม่มีหลักประกันที่แน่นอนว่าจะไม่นำกลับมาบังคับใช้ใหม่ และสิ่งที่เป็นข้อกังวลใจอย่างมากของสภาเกษตรกรแห่งชาติที่วนกลับมาอีกครั้งคือเรื่อง การให้นักลงทุนเข้าถึงพันธุกรรมพืชและชิ้นส่วนซึ่งจะเป็นการผูกขาดด้านพันธุ์พืช รวบตั้งแต่ส่วนที่ใช้ขยายพันธุ์จนถึงผลผลิตและผลิตภัณฑ์แปรรูป ผลคือวิถีชีวิตของเกษตรกรจะเปลี่ยนแปลง ซื้อหาพันธุ์พืชในระดับราคาที่แพงและไม่สามารถเก็บพันธุ์ไว้ปลูกต่อ เป็นความเดือดร้อนที่มีระยะเวลายาวนานด้วยการคุ้มครองพันธุ์พืชใหม่จะมีระยะเวลา 20-25 ปี
อีกหนึ่งเรื่องที่น่ากังวลใจและมีบทเรียนจากหลายประเทศมาแล้วคือ การนำเข้าชิ้นส่วนสุกร เช่น เวียดนาม หลังจากเข้าร่วมกรอบ ทีพีพี แล้วอเมริกาก็ผลักดันการนำเข้าชิ้นส่วนสุกร ปรากฏว่า Sector ภาคการเลี้ยงสุกรของเวียดนามแทบจะล่มสลายหมดเลย