ผบ.ทบ. คุมเข้ม โควิด-19 หลังพบการแพร่ระบาดในค่าย สั่งเคอร์ฟิวด่วน ต้องเข้าบ้านพักก่อน 3 ทุ่ม-งดลาพัก ฝ่าฝืนมีโทษสั่งย้ายทันที เริ่ม 25มี.ค.-22 เม.ย.
เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ได้ออกคำสั่งต่อกำลังพลทหาร เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ฉุกเฉินการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยในส่วนของกองทัพบก มีกำลังพลที่ได้รับการยืนยันติดเชื้อ โควิด 5 นาย และกำลังพลที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูง และอยู่ระหว่างการกักตัวตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข 238 นาย ทั้งนี้ กำลังพลของกองทัพบกดังกล่าว ได้ให้ความร่วมมือในการกักตัวอยู่บ้าน ตามมาตรการของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ของรัฐบาล และกองทัพบก มีระบบการติดตามตรวจสอบอย่างเข้มงวด
ทั้งนี้ในส่วนของกองทัพบก มีหน้าที่ในการเตรียมกำลังพล บุคลากรทางการแพทย์ และยุทโธปกรณ์ทุกประเภท ในการสนับสนุนรัฐบาล การเตรียมความพร้อมในเรื่องกำลังพล จึงมีความสำคัญสูงสุดในห้วงเวลานี้ ดังนั้น เพื่อให้การควบคุม พิทักษ์ และปกบ้องกำลังพล และครอบครัวของกองทัพ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จึงขอสั่งการให้ปฏิบัติตามคำสั่ง โดยมีผลการบังคับใช้กับกำลังพลในสังกัด ทบ. ทุกนาย ดังนี้
1.กำลังพลที่พักอาศัยในบ้านพักของทางราชการ ให้หลีกเลี่ยงการออกนอกบริเวณโดยไม่จำเป็น ห้ามนำบุคคลภายนอกเข้ามาพักอาศัยโดยเด็ดขาด ยกเว้นได้รับการอนุมัติเป็นลายลักษณ์อักษร จากผู้บังคับบัญชา ระดับผบ.พัน. ขึ้นไป และต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการโรคระบาดของเชื้อไวรัส โควิด – 19 อย่างเคร่งครัด ห้ามกลับเข้าบ้านพัก เกินเวลา 21.00 น. หากมีความจำเป็น ให้ขออนุญาตผู้บังคับบัญชา เป็นรายบุคคล ส่วนกำลังพลที่มีบ้านพักอาศัยส่วนตัวอยู่นอกหน่วย เพื่อให้เป็นไปตามมาตรการ และเฝ้าระวัง ให้แจ้งที่อยู่บ้านพัก และช่องทางการติดต่อสื่อสาร ที่สามารถติดตามตัวได้ตลอดเวลา ส่วนหน่วยที่มีการฝึกร่วมกับมิตรประเทศในที่ตั้ง ให้ดำเนินการตามมาตรการนี้เช่นเดียวกัน ยกเว้น การฝึกนอกที่ตั้ง ให้ปฏิบัติตามตารางการฝึก และคำสั่งของกองทัพบก เรื่องมาตรการควบคุมโรคระบาด
- การเดินทางออกนอกพื้นที่ กทม.หรือ จังหวัดหนึ่ง ไปยังอีกจังหวัดหนึ่ง ให้กระทำได้เฉพาะกรณีเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่ง เช่น การเดินทางไปราชการ การสับเปลี่ยนกำลังของหน่วย หากไม่มีคำสั่งให้กำลังพลทุกระดับปฏิบัติหน้าที่ในที่ตั้งปกติ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค.-22 เม.ย.2563 ยกเว้นการลากิจที่จำเป็น เร่งด่วน ฉุกเฉิน ให้รายงานโดยตรงต่อผู้บังคับบัญชา
3.ให้ ผบ.หน่วย ปรับปรุงอาคารสถานที่ และสิ่งแวดล้อมภายในหน่วยให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น โรงยิม, ไต้ถุนกองร้อย, สโมสรของหน่วย เพื่อลดความแออัดของกำลังพล และลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของโรคให้กับกำลังพล และเพื่อกักบริเวณในการเฝ้าระวังผู้ที่กลับจากการลาพัก
- ตามที่ ทบ. ได้สั่งการไปแล้ว โดยให้หน่วยปรับเปลี่ยนระเบียบปฏิบัติประจำวันเพื่อป้องกันโรคตามคำแนะนำ ขอให้รักษาวินัยในเรื่องดังกล่าวอย่างเคร่งครัด เช่น อยู่ห่างกันอย่างน้อย 2 เมตร มีอุปกรณ์, ภาชนะ,กระติกน้ำดื่มส่วนตัว การกระจายที่นั่ง แบ่งผลัดรับประทานอาหาร/การออกกำลังกายกลางแจ้งกลางแดด กิจกรรมใดที่ต้องรวมพลพร้อมกั้นจำนวนมาก ให้พิจารณาแบ่งการปฏิบัติเป็นผลัดเพื่อลดความแออัด
- งดการปล่อยลาพักของทหารกองประจำการ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อโรค สำหรับการเยี่ยมญาติสามารถปฏิบัติได้ แต่ต้องเป็นไปตามมาตรการการระวังป้องกันโรคระบาด ทั้งนี้เพื่อเป็นการพิทักษ์กำลังพล ส่วน พลทหารฯ และกำลังพลทุกระดับที่ได้ลาพักไปแล้ว เมื่อกลับมาขอให้หน่วยได้จัดสถานที่ให้อยู่ต่างหาก และกันตัวเองออกจากกำลังพลส่วนใหญ่เป็นเวลา 14 วัน เพื่อเฝ้าสังเกตอาการ หากพบอาการป่วยให้ส่งตรวจรักษาทันที
6.ให้ทุกหน่วยพิจารณาจำกัดทางเข้า – ออกของหน่วย/ ส่วนกองรักษาการณ์ให้แปรสภาพเป็น เจ้าหน้าที่คัดกรอง, เฝ้าระวัง บุคคลเข้าหน่วย โดยจัดหาอุปกรณ์วัดอุณหภูมิ เจลแอลกอฮอล์ สำหรับล้างมือตามจุดเข้า – ออก โดยกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่กองรักษาการณ์ให้ใส่หน้ากากทุกนาย
- ผู้บังคับกองร้อย และผู้บังคับกองพัน จะต้องเป็นผู้ควบคุมการปฏิบัติอย่างใกล้ชิด โดยมีผู้บังคับการกรม และ ผบ.พล หรือเทียบเท่า เป็นผู้กำกับดูแลอีกชั้นหนึ่ง หากไม่กำกับการปฏิบัติฯ หรือได้รับการรายงานฯ ถือว่าขัดคำสั่ง จะมีผลในการปรับย้ายทันที ทั้งนี้ ผบ.หน่วยทุกนายจะต้องทุ่มเทเสียสละ ดูแล ผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างดีที่สุด / โดยเฉพาะพลทหารซึ่งมีกำลังพลถึง 120,000 นาย ซึ่ง ผบ.ทบ. มีความห่วงใยต่อพลทหารกองประจำการ ที่กำลังจะปลดประจำการสิ้นเดือน เม.ย.นี้ จึงขอเสนอทางเลือก ให้กับน้องๆ สมัครเป็นทหารกองประจำการต่อ โดยกองทัพบกจะพิจารณาโอกาสเป็นนักเรียนนายสิบ ซึ่งอาจเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ที่จะสามารถแบ่งเบาภาระของครอบครัว มีรายได้และสวัสดิการที่ชัดเจนแน่นอน ส่วนน้องๆ พลทหาร ที่มีความประสงค์จะขอปลดประจำการในเดือน เม.ย.
ขอขอบคุณทุกคนที่ได้เข้ามาเป็นกำลังสำคัญในการรับใช้ประเทศชาติ และการช่วยเหลือประชาชน อย่างไรก็ตาม ขอให้น้องๆ ตรวจสอบให้แน่ใจอีกครั้ง ว่ามีงานรออยู่ก่อนที่จะขอปลดประจำการฯ สุดท้ายนี้ ขอให้กำลังพลทุกนายติดตามสถานการณ์ และปฏิบัติตามคำสั่งของกองทัพบกที่ได้สั่งการไปแล้วอย่างเคร่งครัด