ทหารผูกคอ 12 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านหลังหนึ่ง ใน ต.หนองน้ำใส อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น ครอบครัว พลทหาร รชฏ เสนาสนิท อายุ 21 ปี ประจำค่ายทหารแห่งหนึ่งในจังหวัดขอนแก่น ภายหลังจากพ่อแม่ร้องเรียนผ่านสื่อมวลชนติดใจสาเหตุการเสียชีวิตของลูกชาย ซึ่งหลังจากที่ลูกชายกลายเป็นศพนั้น ทางค่ายหทารโทรศัพท์มาแจ้งพ่อแม่ว่าลูกชายใช้ผ้าขาวม้าผูกคอคิดสั้นฆ่าตัวตายที่กระท่อมกลางน้ำที่หน่วยเรือนจำของค่าย
จนเมื่อไปถึงค่ายทหารพบว่าศพพลทหาร รชฏ ถูกส่งไปผ่าพิสูจน์ที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ โดยไม่มีการแจ้งญาติก่อน โดยนายสุรชัย เสนาสนิท พ่อของพลทหารที่เสียชีวิตเห็นร่องรอยบาดแผลถูกของมีคมจิ้มที่ข้อมือ 1 แผล ซึ่งทางค่ายระบุว่าพลทหารกรีดแกนและผูกคอฆ่าตัวตาย ทำให้ทางญาติติดใจสาเหตุการเสียชีวิตเพราะมีพิรุธ
นางรำไพ เตื่อยมา อายุ 71 ปี ยายของพลทหารที่เสียชีวิต บอกว่า ตนเองและครอบครัวไม่เชื่อว่าหลานชายป่วยเป็นโรคซึมเศร้าตามที่ค่ายทหารกับรุ่นพี่บอก เพราะหลานมีนิสัยร่าเริง อัธยาศัยดี ไม่เคยเห็นเก็บตัวเงียบคนเดียว อีกทั้งมีพิรุธหลายอย่างหลังจากไปรับศพ ทั้งการนำศพส่งโรงพยาบาลศรีนครินทร เพื่อผ่าพิสูจน์โดยไม่แจ้งญาติให้รับทราบก่อน ซึ่งปกติญาติจะต้องเซ็นยินยอมก่อนจึงจะสามารถผ่าพิสูจน์ได้
และยังพบรอยแผลถูกของมีคมจิ้มที่ข้อมือด้านซ้าย บอกว่าหลานเอามีดปลอกผลไม้จิ้มข้อมือตัวเอง ซึ่งยิ่งทำให้ไม่เชื่อไปอีก เพราะมั่นใจว่าหลานไม่กล้าทำร้ายตัวเองอย่างแน่นอน อยากจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบอย่างละเอียดชัดเจนกว่านี้ โดยขณะนี้พ่อและแม่ของหลานชายที่ตายกำลังเดินทางไปพบกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สภ.ย่อยศิลา เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติม
นายสุรชัย เสนาสนิท พ่อผู้เสียชีวิต เล่าว่า ลูกชายได้สมัครเป็นทหารที่ค่ายทหารแห่งหนึ่งใน อ.เมือง จ.ขอนแก่น และได้รับการเข้าฝึกเมื่อวันที่ 1 ก.ย. 63 และลาพักร้อนเดินทางกลับบ้านมาเมื่อวันที่ 12 ต.ค. 63 ก่อนจะเดินทางกลับค่ายทหารในวันที่ 25 ต.ค.63 และรับการเข้าฝึกจนเสร็จ และถูกส่งไปอยู่หน่วยเรือนจำในค่ายเมื่อวันที่ 27 ต.ค.63 ก่อนจะมาเสียชีวิตในวันที่ 1 พ.ย.63 จนประมาณตี 4 ได้รับแจ้งว่าลูกผูกคอตายในกระท่อมกลางน้ำ อยู่ในหน่วยเรือนจำของค่าย
ซึ่งก่อนที่ลูกชายจะเสียชีวิตนั้น เมื่อวันที่ 28 ต.ค.2563 ยังคุยแชตเฟซบุ๊กกับแม่ถามสารทุกข์สุขดิบกันอยู่ตามปกติ ต่อมาวันที่ 31 ต.ค. 63 เวลา 19.02 น. ลูกชายได้แชตเฟซบุ๊กพูดคุยกับตน บอกว่า “สบายดี ที่ค่ายทหารให้ทำงานส่งเอกสารกับรับส่งกุญแจ” จากนั้นตนก็ได้เตือนลูกชายเรื่องการสูบบุหรี่ เวลา 20.42 น. ลุกชายได้คุยแชทกับรุ่นพี่ในค่ายทหาร และรุ่นพี่คนดังกล่าวเป็นคนสุดท้ายที่ได้คุยแชตกับลูกชายตนต่อมา วันที่ 1 พ.ย. เวลา 06.00 น. ค่ายทหารได้โทรศัพท์มาแจ้งตนว่าลูกชายได้ผูกคอตายในกระท่อมที่หน่วยเรือนจำ ตนไม่เชื่อว่าลูกชายจะผูกคอตายจริง เนื่องจากลูกลายเป็นคนที่มีนิสัยขี้กลัว
พ่อผู้ตาย ยังบอกอีกว่า ทางเจ้าหน้าที่ทหาร ได้นำภาพถ่ายในที่เกิดเหตุให้กับตนเองดู โดยสภาพศพของลูกชาย ได้ผูกคอห้อยกับคานกระท่อม ที่ตั้งอยู่ในหนองน้ำของเรือนจำสภาพศพลูกชาย สวมกางเกงขาสั้นสีเขียวขี้ม้า เสื้อยืดสีเทาแขนเขียว คอตก ผูกคอผ้าขาวม้า สีน้ำเงินขาว มีคราบเลือดติดที่หน้าผาก แขนซ้ายและข้อมือซ้ายมีเลือดติด
ทางค่ายอ้างว่ากรีดข้อมือ มือทั้งสองข้างหงิก มีมีดปลอกผลไม้ วางอยู่บนกระท่อมด้านหลังศพของลูกชาย นอกจากนี้ในกระท่อม ยังมีโทรศัพท์ของลูกชายวางบนหมอน และรองเท้าแตะวางข้างหมอนโดยทางค่ายให้แต่เพียงตนดูภาพศพของลูกชายในที่เกิดเหตุ ไม่ได้ให้ตนเก็บภาพดังกล่าวไว้ ค่ายบอกกับตนอีกว่า ลูกชายตนป่วยเป็นโรคซึมเศร้า และได้ใช้มีดกรีดแขนซ้าย ก่อนผูกคอตายในคืนวันที่ 31 ต.ค. และมีทหารในค่ายไปเจอศพลูกชายในเวลา 04.00 น. ของวันที่ 1 พ.ย.ส่วนตัวแล้วตนไม่เชื่อว่าลูกชายจะก่อเหตุผูกคอตาย และมีอาการป่วยโรคซึมเศร้า เพราะลูกชายไม่เคยมีประวัติ รวมถึงพฤติกรรมที่เกี่ยวกับโรคซึมเศร้า
ส่วนคราบเลือดที่พบบนหน้าผากลูกชาย ตนไม่รู้ว่ามีได้อย่างไร เนื่องจากสภาพศพของลูกชาย ไม่มีบาดแผลที่ศีรษะหรือหน้าผาก ส่วนผ้าขาวม้าลายสีน้ำเงินขาว ที่ลูกชายใช้ผูกคอตายนั้น ตนได้สอบถามทางค่าย ซึ่งให้คำตอบตนว่าผ้าขาวม้าผืนที่ใช้ก่อเหตุ เป็นของลูกชายตน ซึ่งตนก็แปลกใจว่าตั้งแต่ตนเลี้ยงลูกมา ตนไม่เคยซื้อผ้าขาวม้าให้ลูกชายเลยสักครั้ง เคยซื้อแต่ผ้าขนหนูให้ลูกชาย แล้วลูกชายใช้ผ้าขาวม้าผูกคอตายได้อย่างไร ซึ่งทางค่ายทหารก็ให้คำตอบตนใหม่ว่า ผ้าขาวม้าเป็นของทางค่าย ที่แจกให้กับทหารทุกนาย
ซึ่งเมื่อวานนี้ ตนเองได้ไปดูกล้องวงจรปิดเพียงด้านหน้าค่ายเท่านั้น ในกล้องก็เห็นลูกชายเวลา 12.00-15.00 น. ของวันที่ 31 ต.ค. 63 หลังจากนั้นก็ไม่เห็นลูกชายในกล้องอีกเลย ทางค่ายก็บอกว่าตอนเกิดเหตุไม่มีใครเห็นเหตุการณ์ เนื่องจากทหารทุกนายได้นอนหลับกันหมดแล้ว