สุทิน คลังแสง ลั่น 6 ปีที่รอคอยโค่นเก้าอี้นายกรัฐมนตรี มั่นใจ อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลครั้งนี้ ประชาชนจะได้เห็นนายกรัฐมนตรีได้ฉายาคนบาปครองเมือง
เมื่อวันที่ 22 ก.พ. นายสุทิน คลังแสง ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจที่เริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 24 ก.พ.นี้ มีเป้าหมายเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เกิดขึ้นใน 3 ระดับ ได้แก่ ขั้นแรกคือเปลี่ยนวิธีคิด วิธีทำงาน และเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารประเทศ ขั้นที่สองคือ การเปลี่ยนแปลงตัวรัฐมนตรี หรือปรับคณะรัฐมนตรี และเป้าหมายขั้นสูงสุดคือ คาดหวังให้เปลี่ยนรัฐบาล และเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี
นายสุทิน กล่าวว่า บุคคลที่จะถูกตรวจสอบจากฝ่ายค้านมากที่สุดคือพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เนื่องจากบริหารบ้านเมืองไร้ประสิทธิภาพ ประชาชนเกิดความทุกข์ยาก ประเทศเจอภาวะวิกฤตหลายด้าน ทั้งสงครามการค้า ค่าเงินบาท การส่งออกชะลอตัว การรับมือกับไวรัสโควิด-19 ฝุ่นPM 2.5 ที่ไร้ประสิทธิภาพ และประชาชนลำบาก สะท้อนจากตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจชะลอตัวลง โดยในปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจเติบโตเพียงร้อยละ 2.4 ซึ่งถือว่าต่ำสุดในรอหลายปี และมีแนวโน้มที่เศรษฐกิจจะติดลบในปีนี้
“เมื่อรัฐบาลบริหารประเทศล้มเหลว จึงเป็นเหตุผลให้นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีไม่ควรอยู่ต่อไป จบการอภิปรายในครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีจะได้ฉายา คนบาปครองเมือง เพราะคนที่ยืนอยู่บนความลำบากของคนอื่น คุณก็จะได้รับเสียงสาปแช่ง และถ้าคุณยังทนเสียงสาปแช่งได้ก็คือคนบาป ถ้าเป็นคณะก็คณะคนบาปครองเมือง” นายสุทิน กล่าว
นายสุทิน กล่าวต่อว่า นับเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปีที่ฝ่ายค้านจะทำหน้าที่อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล และเป็นครั้งแรกที่เป็นการอภิปรายฯ มีช่องทางแสดงความคิดเห็นที่หลากหลาย โดย ส.ส.มีหน้าที่โหวตในสภา ขณะที่ประชาชนสามารถโหวตนอกสภาผ่านทางโซเชียลมีเดีย เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นในประเทศไทย