ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ ดร.นิว นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Suphanat Aphinyan โดยระบุว่า
หลังจากการแทรงแซงและอยู่เบื้องหลังความแตกแยกของชาติต่างๆทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเกมการเมืองกับประเทศจีนในปัจจุบัน อีกทั้งความพยายามในการแทรกแซงกิจการการเมืองของประเทศต่างๆในเอเชีย เพื่อขยายฐานอำนาจและอิทธิพลในการต่อต้านการเติบโตของประเทศจีน แต่แล้วสุดท้ายความแตกแยกก็ย้อนกลับมาสู่สหรัฐอเมริกาเองในที่สุด
สงครามกลางเมืองที่วาดฝันจะให้เกิดในประเทศต่างๆ จะย้อนกลับมาเกิดขึ้นที่สหรัฐอเมริกาเองหรือไม่? และที่สำคัญนี่ยังไม่ใช่ความขัดแย้งทางการเมืองของจริงที่สะสมมานานในสหรัฐอเมริกาเลย #โปรดติดตามตอนต่อไป
แต่ที่แน่ๆ ถ้าเกิดความวุ่นวายอย่างใหญ่หลวงกับสหรัฐอเมริกาจริงๆ…
ขบวนการป่วนชาติตัวเองที่กระจายอยู่ในอาเซียน และทั่วทั้งทวีปเอเชียก็ย่อมได้รับผลกระทบตามไปด้วย ตลอดจนขาดการสนับสนุนหลักอย่างไม่เป็นทางการจากการเคลื่อนไหวใต้ดินของประเทศดังกล่าวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
และแน่นอนที่สุดขบวนการสาธารณรัฐหรือแนวร่วมประชาธิปไตยจอมปลอมที่เคลื่อนไหวคอยสร้างความแตกแยกและความรุนแรงในประเทศไทยมานานนับสิบปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันที่มีการใช้เทคโนโลยีสื่อสารสมัยใหม่อย่างโซเชียลมีเดียเป็นอาวุธในการปลุกระดมสร้างความแตกแยกของคนต่างวัยก็ย่อมถึงคราอวสานไปด้วยในที่สุด
เมื่อถึงเวลานั้น…
คงจะถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยของเราจะได้ลืมตาอ้าปาก มีโอกาสที่เหมาะสมเพียงพอที่จะช่วยกันก้าวพ้นจากหลุมแห่งดำความขัดแย้งที่มีมาอย่างยาวนานนับตั้งแต่ พ.ศ.2475 ที่มีคณะราษฎรที่เป็นต้นตอของลัทธิประชาธิปไตยจอมปลอมเสียที เพราะหลัก 6 ประการของคณะราษฎร (เอกราช ปลอดภัย เศรษฐกิจ เสมอภาค เสรีภาพ การศึกษา) ไม่ได้มีการทำให้อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนอันเป็นหัวใจที่สำคัญที่สุดของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
และเป็นโอกาสทองของคนไทยทั้งประเทศที่จะช่วยกันนำพาประเทศชาติของเราไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองของยุคใหม่แห่งความสมัครสมานสามัคคีของคนไทยทั้งชาติด้วยการตามรอยแนวทางประชาธิปไตยของล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 ที่ได้สืบทอดต่อมายังล้นเกล้ารัชกาลที่ 7 ที่มีหลักใหญ่ใจความในการทำอำนาจอธิปไตยให้เป็นของปวงชน
ในความเป็นจริงแล้วนั้น…
ระบอบเผด็จการตัวจริง คือ ระบบการเมืองของนายทุนผู้มีอำนาจที่เริ่มก้าวเข้ามาครอบงำประเทศไทยมาตั้งแต่ พ.ศ.2475 โดยคณะราษฎรที่อ้างประชาชนเป็นเครื่องมือ และได้ทำการปล้นพระราชอำนาจจากสถาบันพระมหากษัตริย์ที่เป็นสถาบันผู้สร้างประชาธิปไตยตัวจริง แต่คณะราษฎรก็กลับไม่ได้ทำอำนาจอธิปไตยให้เป็นของปวงชนอย่างแท้จริง แล้วอ้างหลัก 6 ประการแห่งประชาธิปไตยจอมปลอมขึ้นมาหลอกลวงประชาชน จนในที่สุดก็ไม่ได้มีการสร้างระบบการเมืองและระบบราชการที่สามารถดูแลคนทั้งประเทศได้อย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ
ดังนั้นก็จะมีแต่พี่น้องชาวไทยทุกคนและทุกองคาพยพของสังคมไทยเท่านั้นที่จะสามารถช่วยกันปฏิวัติชาติอย่างสันติด้วยการเปลี่ยนระบบการเมืองและระบบราชการเสียใหม่ ด้วยการฉีกหลัก 6 ประการจอมปลอมของคณะราษฎรที่หลอกลวงประชาชนมาเกือบ 90 ปี
แล้วร่วมกันสถาปนาอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนตามแนวทางของสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นสถาบันผู้สร้างประชาธิปไตยตัวจริง ภายใต้เจตนารมณ์ของล้นเกล้าที่ 7
“…ข้าพเจ้าเต็มใจที่จะสละอำนาจอันเป็นของข้าพเจ้าอยู่เดิมให้แก่ราษฎรโดยทั่วไป แต่ข้าพเจ้าไม่ยินยอมยกอำนาจทั้งหลายของข้าพเจ้าให้แก่ผู้ใด คณะใด โดยเฉพาะเพื่อใช้อำนาจนั้นโดยสิทธิ์ขาดและโดยไม่ฟังเสียงอันแท้จริงของประชาราษฎร…”
ถ้าอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน ประชาชนทุกคนย่อมมีสิทธิเสรีภาพที่จะช่วยกันคนละไม้คนละมืออย่างสร้างสรรค์โดยปราศจากความรุนแรงใดๆในการนำพาประเทศชาติของเราไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีงามร่วมกัน
เพราะเราชาวไทยมีความศิวิไลซ์เป็นพื้นฐานกันอยู่แล้ว เราต่างก็รักความชอบธรรม ความสงบสุขสันติ และรู้จักประสานประโยชน์กันมาอย่างช้านาน ก็ย่อมจะสามารถร่วมกันหาทางออกให้กับประเทศและประชาชนทุกหมู่เหล่าด้วยสติปัญญา ความรู้ ความสามารถ ภายใต้กรอบของกฎหมายและรัฐธรรมนูญ
ประชาธิปไตยที่แท้จริงไม่สามารถสร้างขึ้นด้วยกฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย เผด็จการ หรือความรุนแรงใดๆ เพราะสุดท้ายมันก็จะเป็นประชาธิปไตยจอมปลอมแบบที่ออกมาทำลายข้าวของอย่างคนสิ้นคิดที่ป่าเถื่อน และขโมยของจากร้านหรูออกมาขายแบบที่เราได้เห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาอยู่ในขณะนี้
แต่การจะสร้างประชาธิปไตยที่แท้จริงนั้นจะต้องสร้างขึ้นด้วยการให้ การช่วยเหลือแบ่งปัน ที่มาจากความโอบอ้อมอารี ความรู้จักการเอื้อเผื่อแผ่ จากทุกองคาพยพของทั้งสังคมไทย
และที่สำคัญที่สุดเหตุการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดก็ได้พิสูจน์ความจริงข้อนี้ของความเป็นคนไทยแล้วว่า… ตั้งแต่สถาบันพระมหากษัตริย์ตลอดจนประชาชนรากหญ้า เราต่างก็ช่วยเหลือและให้ความร่วมไม้ร่วมมือกันจนสามารถควบคุมสภาวะวิกฤตของโควิด-19ได้อย่างอยู่หมัดและมีชื่อเสียงจนเป็นที่ยอมรับกันในระดับแนวหน้าของโลก
แล้วในที่สุดประชาธิปไตยของไทย ประชาธิปไตยที่คนไทยช่วยกันสร้างขึ้นด้วยธรรมชาติที่ดีงามของคนไทยนี่แหละที่จะงดงามที่สุด และเป็นแบบอย่างของประชาธิปไตยที่แท้จริงของสังคมโลก ชนิดที่เกิดยาก เกิดช้า แต่ประชาธิปไตยเมื่อเกิดมาแล้วจะศิวิไลซ์ที่สุด
การเมืองใหม่ที่เป็นของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชนอย่างแท้จริง โดยปราศจากการครอบงำจากนายทุนทุกกลุ่มทุกฝ่าย จะเป็นจุดเริ่มต้นของการเมืองภาคประชาชนที่เป็นประชาธิปไตยที่มีความศิวิไลซ์ และเป็นที่พึ่งของประชาชนทั้งประเทศได้อย่างแท้จริง
รุ่งอรุณของขบวนการประชาธิปไตยตัวจริงที่มีศักยภาพในการสร้างจุดเปลี่ยนทางการเมืองอย่างมีอารยธรรมกำลังใกล้จะมาถึงแล้วขึ้นทุกที
นี่แหละที่ผมรอคอย… #ประเทศไทยต้องชนะ
ดร.ศุภณัฐ
4 มิถุนายน พ.ศ. 2563
#ประชาธิปไตยTheseries by ดร.ศุภณัฐ
อ้างอิง…
https://www.silpa-mag.com/this-day-in-history/article_1746
https://www.usatoday.com/…/map-protests-wake-ge…/5310149002/