วรงค์ เดชกิจวิกรม เข้าร่วมพรรครวมพลังประชาชาติไทย อย่างเป็นทางการ ยังกั๊กมีส.ส. พรรคประชาธิปัตย์มาเพิ่มอีกหรือไม่
เมื่อวันที่ 23 พ.ย. ที่อาคาร ทู แปซิฟิคเพลสเพลส พรรครวมพลังประชาชาติไทย(รปช.) จัดงานต้อนรับนพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีตส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ภายหลังจากที่ได้ยื่นหนังสือลาออกจากสมาชิกพรรคปชป. และมาสมัครเป็นสมาชิกพรรครปช. แทน โดย นพ.วรงค์ กล่าวว่า รู้สึกอบอุ่นคิดไม่ถึงว่าพรรคจะจัดต้อนรับอบอุ่นมาก ถ้ารู้ว่าอบอุ่นมากขนาดนี้อาจจะมาเร็วกว่านี้ หลังการเลือกตั้งเสร็จสิ้น เราได้เห็นพัฒนาการปัญหาของประเทศและเวลานี้ภารกิจเรื่องโครงการรับจำนำข้าวของตนก็จบบริบรูณ์ แต่ยังเห็นว่าการเมืองเวลานี้เปลี่ยนไปเยอะมากที่ผ่านมาเป็นการต่อสู้กับระบบทักษิณแต่ปัจจุบันเปลี่ยนไปว่าเราต้องต่อสู้กับการทุจริตในเชิงนโยบาย ซึ่งตนรู้สึกว่ามันอันตรายมาก จะให้นั่งอยู่เฉยๆ ตนทำไม่ได้
“ดังนั้นผมจึงตัดสินใจไปพบกับนายชวน เล่าให้ฟังว่าวันนี้การเมืองเปลี่ยนไปโดยเกิดจากปัญหาในสภา เกิดลัทธิชังชาติที่กำลังปลูกฝังเยาวชนของเราให้เดินผิดทาง และเวลานี้การเมืองไม่ได้เกิดจาก 2 พรรคใหญ่แต่มีการเปลี่ยนไปเป็นกลุ่มการเมืองฝั่งเขาฝั่งเรา ซึ่งผมยังบอกกับนายชวนตรงๆว่า ยังรักและผูกพันกับพรรคปชป.วันนี้พรรคทำเพื่อประโยชน์ของประชาชนได้ดีมาก แต่สไตล์ของผมไม่เหมาะกับงานแบบนี้ แต่เหมาะกับพวกชังชาติ พอดีได้กับการทาบทามจากนายสุเทพ จึงรู้สึกว่ามาอยู่ที่นี่น่าจะช่วยประเทศชาติได้เยอะกว่า ผมจึงตอบรับและมาอยู่กับพรรครปช.” นพ.วรงค์ กล่าว
นพ.วรงค์ กล่าวว่า การย้ายพรรคไม่มีการต่อรองตำแหน่งสักตำแหน่ง และไม่มีการขัดแย่งกับพรรคปชป. ซึ่งตนยังบอกกับพรรคปชป.ด้วยว่าวันนี้พวกเราต้องไม่ทะเลาะกัน อาจขัดใจกันบางก็ต้องอดทนไว้ และทุกอย่างก็จะก้าวไปได้ด้วยดี ซึ่งพรรครปช.เหมาะสมกับตัวตนของตน ในการทำงานการเมือง แต่ยืนยันว่าลำพังผม หัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค คงไม่พอเราต้องการประชาชน ดังนั้นถ้าเราต้องการให้ประเทศเดินหน้าไปด้วยดี ทุกคนก็ต้องมาร่วมกับผม ส่วนจะมีเพื่อนส.ส.ปชป.ย้ายมาด้วยหรือไม่นั้น เชื่อว่าเพื่อนส.ส.จับตาดูอยู่ว่ามาแล้วทำประโยชน์ให้ส่วนร่วมได้หรือไม่ ถ้าได้ก็อาจจะตามมา ในทางกลับกันหากทำอะไรไม่ได้ก็ไม่มา ซึ่งตนตอบในหลักการ ถ้าทำได้ดี เชื่อว่าเพื่อนของตนจะมาร่วม
นพ.วรงค์ กล่าวด้วยว่า ส่วนโอกาสที่จะเข้าไปทำงานสภาในฐานะคนนอก เป็นคณะกรรมาธิการวิสามัญนั้น ตนไม่เคยคิดทำงานในสภา การทำสาขาพรรคต้องไปเยี่ยมภาคประชาชน ยืนยันตอนนี้ยังไม่มีความคิดจะไปทำงานในสภา และตนจะไม่ใช่กำลังสู้กับกลุ่มชังชาติ แต่เราใช้สมอง ใช้ความรู้ และความจริงในการต่อสู้