เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2563 ศ. ดร.กนก วงษ์ตระหง่าน ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรค และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีการพิจารณาโครงการหรือแผนงานที่เกี่ยวกับการใช้จ่ายเงินกู้ 4 แสนล้านบาท เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ว่า ยังขาดการศึกษาและความเข้าใจในปัญหาและบริบทของแต่ละระบบธุรกิจ และพื้นที่เป้าหมายอย่างชัดเจน รวมไปถึงการไม่ได้ให้ความสำคัญต่อผลสัมฤทธิ์สูงสุดของการลงทุนในแต่ละโครงการ ที่ควรจะประสานกันอย่างมีอานิสงส์ต่อกัน ในความสำเร็จอันคาดหมายว่าจะเกิดขึ้น และยังกังวลว่ากระบวนการได้มาซึ่งโครงการและแผนงานของเงินกู้ 4 แสนล้าน อาจไม่ตอบโจทย์ความเดือดร้อนของชาวบ้าน
ทั้งนี้ ต้องมาตั้งคำถามว่า แล้วใครกันล่ะ ที่เป็นคนกำหนดโครงการ เพื่อการใช้เงินกู้ในส่วนของ 4 แสนล้านบาทนี้ เมื่อไปอ่านในรายละเอียดของ พรก.เงินกู้ 1 ล้านล้าน ก็ได้คำเฉลยว่า เป็นคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้เงินกู้ ซึ่งประกอบด้วย เลขาธิการสภาการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นประธานกรรมการ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ปลัดกระทรวงการคลัง ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ผู้อำนวยการสำงานงานบริหารหนี้สาธารณะผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และผู้ทรงคุณวุฒิที่นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งจำนวนไม่เกิน 5 คน เป็นกรรมการรวมทั้งหมด 11 ท่าน
ศ.ดร.กนก กล่าวอีกว่า คณะกรรมการชุดดังกล่าวทำหน้าที่พิจารณากลั่นกรองแผนงานหรือโครงการก่อนนำไปเสนอคณะรัฐมนตรี เพื่อการอนุมัติ แล้วคณะกรรมการชุดนี้ จะเอาโครงการและแผนงานที่จะรองรับการใช้เงินกู้ก้อนใหญ่นี้มาพิจารณาจากไหน นี่ก็เป็นอีกคำถามที่หลายคนคงสงสัย คำตอบก็คือ บรรดาเหล่าข้าราชการประจำจากกระทรวงและส่วนราชการต่าง ๆ นั่นไง ที่จะเสนอโครงการและแผนงานตามกรอบที่แต่ละสายบังคับบัญชาในงานนั้น ๆ จะเห็นเหมาะสม ซึ่งท้ายที่สุด ก็อาจคาดเดาได้ว่า โครงการหรือแผนงานไหนที่ยังไม่ได้งบประมาณและค้างอยู่ในระบบของส่วนราชการนั้นนาน ก็อาจจะถูกปัดฝุ่นรื้อขึ้นมาคืนชีพอีกครั้ง เพื่อส่งไปยังคณะกรรมการกลั่นกรองเงินกู้ให้พิจารณา เพื่อนำมาซึ่งงบประมาณในส่วนงานที่มากขึ้น และการรันตีความถูกต้องเหมาะสมในการปฏิบัติราชการของหน่วยงานนั้น ๆ ดังนั้นข้อมูลอาจจะมาจากปัญหาที่แท้จริง หรือการพัฒนาที่ควรต้องเกิดขึ้นจริง หรือโอกาสที่ต้องรีบบริหารจัดการจริง ในพื้นที่เป้าหมายก็อาจเป็นไปได้ แต่ถ้าไม่ใช่ เงินกู้ 4 แสนล้าน ก็จะกลายเป็นเงินถมงบประมาณของหน่วยงานปกติไป กลายเป็นเม็ดฝนที่โปรยปรายลงบนดิน ที่เกษตรกรมองเห็นแต่จับต้องไม่ได้ ไม่มีประโยชน์อะไรต่อการดำเนินชีวิตของพวกเขาเลย ซึ่งผมก็หวังอย่างสุดใจว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้
“เงินกู้ 4 แสนล้าน ที่กล่าวถึงนี้ ได้รับการวางยุทธศาสตร์มาให้ใช้จ่ายครอบคลุม ใน 3 เรื่อง คือ 1. แผนงานการลงทุนและกิจกรรมการพัฒนาเพื่อการพลิกฟื้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจของภาคเกษตรกรรม อุตสาหกรรม การค้าและการลงทุน รวมไปถึงการท่องเที่ยวและบริการ 2. แผนงานฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่นและชุมชนเพื่อสร้างงานสร้างอาชีพในเรื่องการส่งเสริมการตลาด การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในชุมชน การจัดหาปัจจัยการผลิต และการยกระดับมาตรฐาน คุณภาพ และมูลค่าเพิ่มของสินค้าและผลิตภัณฑ์ ในท้องถิ่นหรือชุมชน และ 3. แผนงานพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ เพื่อยกระดับโครงสร้างพื้นฐาน และสนับสนุนกระบวนการผลิตเพื่อการพัฒนาประเทศในระยะต่อไป” ศ.ดร.กนก กล่าว