หมอวรงค์ ถาม ปิยบุตร เคยคิดถึงสิ่งที่ฝรั่งเศสทำกับไทยในยุคล่าอาณานิคมบ้างไหม

นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หรือ หมอวรงค์ อดีตสมาชิกพรรครวมพลังประชาชาติไทยได้โพสต์ข้อความผ่านทางเฟสบุ๊ก เล่าถึงประวัติศาสตร์ในยุคที่ฝรั่งเศสล่าอาณานิคม และสิ่งที่ฝรั่งเศสได้ทำกับไทยในยุคดังกล่าว พร้อมกับตั้งคำถามนายปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้าว่าทำไมถึงไม่เคยพูดถึงประวัติศาสตร์ของประเทศตัวเอง และไม่พูดถึงสิ่งที่ฝรั่งเศสทำกับไทยในยุคล่าอาณานิคม โดยภายในโพสต์ดังกล่าวของหมอวรงค์ระบุไว้ดังนี้

หมายถึงใคร? หมอวรงค์ เหน็บนักการเมือง หวังเป็นใหญ่ใต้เงาต่างชาติ

“นายปิยบุตร ไปเรียนถึงฝรั่งเศส แต่ไม่เคยพูดถึงเรื่องที่ ฝรั่งเศสกระทำกับประเทศไทย โดยเฉพาะในยุคล่าอาณานิคม น่าจะเรียนรู้บ้าง เผื่อสำนึกของความเป็นไทยจะได้สูงขึ้น

หมอวรงค์ ซัด!สามตะกร้าเป็นแกนนำได้แล้ว ดีกว่าหลบใต้กระโปรงนักศึกษา

ในประวัติศาสตร์ มีเรื่องน่าสนใจเรื่องหนึ่ง เกิดขึ้นในปีพ.ศ. 2436(รศ.112) เริ่มจาก ทูตฝรั่งเศสประจำไทย เสนอรายงานที่ทำให้รัฐบาลกรุงปารีสตาลุก เขาบรรยายว่า ล้านช้างซึ่งเป็นดินแดนฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขงของไทย เป็นแหล่งพลอยซัฟไฟร์ เหมืองแร่ทองคำขนาดมหึมา

หมอวรงค์ อัด! ปิยบุตร เพ้อหนักปลุกเร้าปฎิวัติ ท่ามกลางการชุมนุม เยาวชนนักศึกษา

มีเหมืองทองแดงและเหมืองเหล็ก มีพลวง กำมะถัน ถ่านหิน และแหล่งน้ำแร่เป็นอันมากอยู่ทั่วไป ทั้งมีไม้สักและป่าไม้เบญจพรรณที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชีย

ฝรั่งเศสจึงส่งทหารเข้าไป อ้างช่วยขับไล่โจรจีนฮ่อในพื้นที่ดังกล่าว แต่ท้ายที่สุดไม่ยอมถอนทหารออก จึงเกิดความขัดแย้งระหว่างไทยกับฝรั่งเศส

ความขัดแย้งบานปลาย การสู้รบเกิดที่แก่งเจ๊ก เมืองคำม่วน ริมฝั่งแม่น้ำโขง เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2436 ฝ่ายฝรั่งเศสตาย 12 คน ส่วนทหารไทยตาย 6 คน หัวหน้าทหารไทยคือ พระยอดเมืองขวาง ข้าหลวงเมืองคำเกิดคำม่วน

ฝ่ายฝรั่งเศสไม่พอใจมาก จึงหาเรื่องในฐานะที่มีอาวุธที่เหนือกว่า ในที่สุดฝรั่งเศสส่งเรือรบเข้ามา จ่อกระบอกปืนเพื่อยิงถล่มพระบรมมหาราชวัง กรุงเทพฯถูกยึดครองเป็นเวลาถึง 12 วัน

ในวันที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2436 ตัวแทนของรัฐบาลฝรั่งเศส ยื่นคำขาด ต้องการยึดครองฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขงของไทย และไทยจะต้องเสียค่าปรับทั้งสิ้น 3 ล้านฟรังค์ โดยต้องจ่ายเป็นเงินเหรียญ ภายใน 48 ชม.

มิฉะนั้นกระสุนปืนใหญ่บนเรือรบที่ทันสมัยที่สุด จะถูกสั่งให้ระดมยิงเข้าไปในพระที่นั่งจักรี และจะยึดไทยเป็นเมืองขึ้นจนปัญญาที่ทางไทยจะหาเงินจำนวนมากถึง 3 ล้านฟรังค์ เพื่อเป็นค่าปรับ

แต่มีเจ้านายพระองค์หนึ่งนึกถึง”ถุงแดง” ซึ่งคือพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ รัชกาลที่ 3 ที่เก็บสะสมไว้ เพื่อดูแลแผ่นดิน และต้องกลายมาเป็นเงินจ่ายให้ประเทศผู้ล่า ซึ่งเงินเหรียญนี้ มีน้ำหนักถึง 23 ตัน

พร้อมกับการถูกยึดครองแผ่นดินไทยบางส่วน เพื่อแลกกับเอกราชของชาติ กลายเป็นว่า ประเทศที่มีกำลังเหนือกว่า นึกอยากจะเอาอะไรก็จะเอา

แปลกใจมากที่นายปิยบุตร ไม่เคยพูดถึงเรื่องประวัติศาสตร์ของชาติไทยที่ถูกรังแก เอาแต่ไปพูดประวัติศาสตร์ชาติฝรั่ง…..หัวใจคุณเป็นคนไทยหรือเปล่า ???”