วันที่ 3 มิถุนายน 2563 นาย ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ ส.ส.พรรคก้าวไกล ในฐานะคณะกรรมาธิการกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มชาติพันธุ์และผู้มีความหลากหลายทางเพศ ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กแฟนเพจ โดยระบุว่า
“เมื่อการตีค่าให้คนไม่เท่ากัน ได้ส่งผลกระทบต่อสังคม เศรษฐกิจ วัฒนธรรม และฉุดรั้งการพัฒนาประเทศ ถึงเวลาถอดบทเรียนซ้ำซากนี้ ด้วยการส่งเสริมเห็นคุณค่าของเพื่อนมนุษย์ ในรั้วสถานศึกษา
ในช่วงเวลานี้ อาจมีประเด็นเยอะแยะมากมายในแต่ละวัน แต่มีประเด็นหนึ่งที่ไม่อยากให้ผ่านเลยไป โดยที่เราไม่ได้หยิบยกหรือถอดบทเรียนจากสิ่งที่เกิดขึ้นเลย นั่นคือ ประเด็นของ George Floyd ชายผิวดำวัย 46 ปี ได้เสียชีวิตลงด้วยภาวะขาดอากาศหายใจ ในเมืองมินเนอาโพลิส มลรัฐมินเนโซต้า หลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม เอามือไพล่หลังใส่กุญแจมือ ก่อนจะใช้หัวเข่ากดบริเวณต้นคอลงกับพื้นเป็นระยะเวลา 8 นาที 46 วินาที ซึ่งการใช้กำลังในรูปแบบดังกล่าวเกิดขึ้นแม้ว่า Floyd จะไม่มีการตอบสนองต่อเจ้าหน้าที่ประมาณ 3 นาที ก่อนหน้านั้นแล้ว เหตุการณ์นี้ได้กลายมาเป็นหนึ่งในชนวนเหตุสำคัญที่ก่อให้เกิดการจลาจลาของคนผิวดำและกลุ่มผู้ต่อต้านการใช้ความรุนแรงของเจ้าหน้าที่ตำรวจ (police brutality) ในหลายเมืองทั่วประเทศสหรัฐอเมริกาในขณะนี้ ซึ่งเหตุการณ์ลักษณะนี้ไม่ใช่ครั้งแรก และไม่ใช่ว่าจะเป็นเรื่องไกลตัว และไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทย
ธัญขอยกตัวอย่าง นายทหารที่ก่อเหตุความรุนแรงในห้างสรรพสินค้า ในจังหวัดนครราชสีมา เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา โดยพิจารณามูลเหตุในการกระทำความรุนแรงครั้งนี้ คือ การที่เขาถูกกดให้ต่ำด้วยสถานะชั้นผู้น้อยและถูกปิดกั้นในการเรียกร้องความเป็นธรรม จนเขาลุกขึ้นมาทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ ใช่ค่ะสิ่งที่ดิฉันกำลังจะบอก คือ การมองเห็นคุณค่าของมนุษย์ตรงหน้า คุณค่าความเป็นคนที่ทุกคนควรมองเห็นซึ่งกันและกัน การตีค่าให้คนไม่เท่ากัน ส่งผลต่อปัญหาทางสังคม เศรษฐกิจ วัฒนธรรม ฉุดรั้งการพัฒนาสังคมนั้นๆ ไปด้วย หากการพัฒนาประเทศรวมถึงสังคมหรือแม้แต่องค์กรใดก็ตาม หากยังถูกปลูกฝังหลักคิดว่าคนไม่มีทางเท่ากัน ด้วยฐานะทางครอบครัว ที่มาของบุคคลนั้น องค์ประกอบภายนอกที่ถูกตีตราด้วยมายาคติ สังคมนั้นจะไม่สามารถพัฒนาไปไหนได้เลย
ปัญหาที่หยิบยกมาไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นเรื่องที่จำเป็นต้องมีการแก้ไข และทำให้ดีขึ้น การมองเห็นเพื่อนมนุษย์ที่เท่าเทียมกัน โดยไม่วัดจาก สีผิว ฐานะทางการเงิน การศึกษา รูปร่างหน้าตา เพศสภาพ เพศกำเนิด แต่มองเห็นตัวตนของคน เพราะเขาคือคนเหมือนเรา
ในฐานะตัวแทนของประชาชน สะท้อนปัญหาและเสนอแนวทางแก้ไข ซึ่งเราสามารถเริ่มต้นได้เลย คือสถานศึกษาหรือโรงเรียน จะเสริมหลักสูตร ปลูกผังทัศนคติการมองเห็นคุณค่าของเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เพราะในช่วงเวลานี้เป็นโอกาสที่ดีเพราะเราได้เรียนรู้เรื่องวิถีใหม่ของสังคมและการใช้ชีวิตในหลายมิติ การเริ่มต้นบรรจุหลักสูตรการศึกษา วิชาคุณค่าเพื่อนมนุษย์น่าจะเป็นการเริ่มต้นที่ดี ที่จะทำให้การมองเห็นคุณค่าของผู้อื่น ถูกพูดถึงและตระหนักในการใช้ชีวิตไม่น้อยไปว่าความรู้ทฤษฎีวิชาการ ซึ่งหากกระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงวัฒนธรรม และกระทรวงสาธารณะสุข ตกผลึกและบรรจุหลักสูตรนี้ลงไป เพื่อปลูกฝังและสื่อสารในทุกระดับการศึกษาได้
ธัญเชื่อว่าประเทศไทยจะพ้นวังวนประเทศกำลังพัฒนาไปได้ ก่อนพัฒนาอะไร เราควรพัฒนาจิตใจคนไปพร้อมกันร่วมกันสร้างประเทศไทย ก้าวไปสู่วิถีใหม่เข้าใจจิตใจเพื่อนมนุษย์ไปพร้อมกัน”