วันที่ 5 เม.ย.นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 ว่า จะยืดเยื้อต่อไปอีก เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 6 เดือน ตรงกับเดือนกันยายน สิ้นปีงบประมาณแผ่นดิน พ.ศ. 2563 และในระยะเวลา 6 เดือนนี้ ผู้ที่จะสามารถดำรงชีพอยู่ได้ในสถานการณ์เช่นนี้ ก็มีเพียงคนที่มีอาชีพเป็นข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐเท่านั้น เพราะมีรายได้ประจำจากเงินเดือนของรัฐบาล ส่วนประชาชนทั่วไป หยุดทำงาน ไม่มีรายได้ประจำ มีเพียงเงินเก็บ เพื่อใช้จ่ายในการดำรงชีพได้ คนละไม่เกิน 2 เดือนเท่านั้น
ทั้งนี้ หลังจากนั้นก็ไม่มีรายได้มาใช้จ่าย ในชีวิตประจำวัน ซึ่งทำให้คนส่วนใหญ่ของประเทศมีปัญหา ในการใช้ชีวิตประจำวัน และดำรงชีวิตอยู่ในสังคมอย่างแน่นอน รัฐบาลต้องคิดเอาชีวิตคนไทยให้รอดก่อน แล้วค่อยพัฒนาประเทศ เราหยุดพัฒนาประเทศไป 1 ปี ก็ไม่ได้ล้าช้าอะไรมากนัก
ดังนั้น เพื่อเป็นการนำพาประเทศก้าวผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปให้ได้ รัฐบาลต้องปรับยุทธศาสตร์ในการต่อสู้กับเชื้อไวรัสโควิด-19 และต้องแผนการใช้งบประมาณแผ่นดิน ปี 2563 ของประเทศเสียใหม่ โดยขอเสนอการปรับแนวทางการบริหารงบประมาณของประเทศ ดังนี้
- งบประมาณแผ่นดินปี 2563 เหลือระยะเวลาใช้งบประมาณอยู่อีก 6 เดือน ต้องหยุดใช้งบประมาณด้านการลงทุนและการพัฒนาด้านวัตถุทั้งหมด มาเป็นลงทุนการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
- ออก พ.ร.บ.โอนงบประมาณ ด้านการลงทุนและการพัฒนาของทุกกระทรวงทบวงกรม มาเป็นงบกลางหรืองบฉุกเฉินให้นายกรัฐมนตรี เป็นผู้มีอำนาจใช้งบประมาณนี้ แต่เพียงผู้เดียว
- จัดเพิ่มงบประมาณด้านการสาธารณสุข เพื่อสู้กับไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะ จัดซื้อเครื่องมือ อุปกรณ์ทางการแพทย์ให้เพียงพอ สร้างโรงพยาบาลเฉพาะโรคไวรัสโควิด-19
4.จัดสรรงบประมาณส่วนหนึ่ง เป็นเงินเดือนให้กับประชาชนทั้งประเทศ ที่ได้ลงทะเบียนเป็นผู้มีผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ทุกกลุ่มที่ไม่สามารถดำรงชีพอยู่ได้ ยกเว้นข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่มีเงินเดือนประจำ และคนที่มีฐานะทางเศรษฐกิจดีแล้ว
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าที่ผ่านมา ได้มีหลายฝ่ายได้นำเสนอให้รัฐบาลเปลี่ยนแปลงงบประมาณแผ่นดิน ในหลายแนวทาง เช่น ตัดงบซื้ออาวุธของกองทัพ, ตัดงบกระทรวงกลาโหมทั้งหมด, ตัดงบประมาณ 10% ของทุกกระทรวง หรือออก พ.ร.ก.เงินกู้ ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ตอบโจทย์ของประเทศ จึงขอเสนอให้รัฐบาลออกเป็นพระราชบัญญัติโอนงบประมาณจากทุกกระทรวง มาเป็นงบกลางโดยเร็วที่สุด และเชื่อว่าทุกฝ่ายก็พร้อมที่จะให้ความร่วมมือสนับสนุนแนวทางนี้อย่างแน่นอน