อธิบดีกรมสรรพสามิต เผยแผนเสนอ กระทรวงการคลัง ให้เก็บภาษีความเค็ม ชี้ เพื่อส่งเสริมสุขภาพประชาชน
เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2562 นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า ในขณะนี้ทางกรมฯ อยู่ในระหว่างการดำเนินการศึกษาร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข ในการขยายฐานการจัดเก็บภาษีสรรพสามิต สำหรับสินค้าความเค็ม
โดยมีวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมสุขภาพของประชาชนต่อการบริโภคสินค้าที่ดีกับสุขภาพ โดยจะมีการเก็บภาษีตามสัดส่วนความเค็ม หรือปริมาณโซเดียม กล่าวคือ หากมีความเค็มมากก็จะเสียภาษีสูงขึ้น ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุป เพื่อเสนอให้นายอุตตม สาวรายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พิจารณาภายในสิ้นปีนี้
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องเก็บภาษีความเค็ม ก็จะไม่ได้จัดเก็บในอัคตราเดียวทันที แต่จะให้ผู้ประกอบการมีการปรับตัวเพื่อลดปริมาณความเค็มลง หรือ ปรับสูตรการผลิต โดยจะให้โอกาศปรับตัวประมาณ 1-2 ปี ซึ่งในขณะนี้ยังไม่ได้ระบุอัตราการจัดเก็บที่ชัดเจน
สำหรับสินค้าที่เข้าข่ายต้องเสียภาษีความเค็ม เบื้องต้นจะต้องคำนวณจากปริมาณโซเดียมต่อความต้องการบริโภค และสินค้าปรุงสำเร็จ อาทิเช่น อาหารแช่แข็ง อาหารกระป๋อง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เป็นต้น
แต่ยังไม่มีการจัดเก็บภาษีจากสินค้าปรุงรส อาทิเช่น น้ำปลา หรือ เกลือ และขนมขบเคี้ยวสำหรับเด็ก เนื่องจากมองว่าเป็นอาหารที่ไม่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตประจำวัน ที่ประชาชนสามารถตัดสินใจเลือกซื้อได้เอง
การเก็บภาษีความเค็มนั้น ยังเป็นนโยบายที่ทั่วโลกได้กล่าวถึงในประชุมองค์การอนามัยโลก (WHO) รวมถึงกลุ่มสหประชาชาติ (UN) ที่พยายามให้หลายประเทศมีการออกนโยบายภาษีในอาหารเพื่อลดการบริโภคอาหารที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ เนื่องจากเป็นสาเหตุของโรคร้ายแรงต่าง ๆ อีกด้วย